2552/12/15

ดูแลหัวใจกันและักัน

ถ้าเราแคร์ใครซักคน เราคงไม่กล้าที่จะทำให้เขาเสียใจ ใช่มั้ย

แต่ถ้าเราแค่อยากเอาชนะกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึีกอย่างไร เราก็จะทำลงไปเพื่อความสะใจของตัวเอง

ถ้าชนะแล้วยังไงเหรอ แบบนี้มันก็หมายความว่า เราคิดถึงแต่ตัวเองซื

และอย่างนี้ มัีนก็หมายความว่า่ เรา ไม่ได้แคร์ความรู้สึกกันเลย

แล้วเราจะคบกันต่อไปได้อย่างไร


บ่อยครั้งที่เราไม่แสดงความโกรธออกไป
ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่กล้าแสดงความรู้สึกตัวเอง
แต่เป็นเพราะว่า เราไม่กล้าทำร้ายหัวใจคนคนนั้นต่างหาก

บ่อยครั้งที่เราฝืนยิ้ม ทั้งทั้งที่กำลังเสียใจ
ไม่ใช่เพราะว่าเราเสแสร้ง
แต่เป็นเพราะว่า ความเสียใจของเรา มันอาจจะทำให้คนคนนั้นมีความสุขน้อยลง
เราจึงเลือกที่จะเก็บไว้

บ่อยครั้งที่เรารู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนหลอก แต่เราก็ยินดีที่จะฟัง
ไม่ใช่เพราะเรายอมโง่
แต่เป็นเพราะว่า เราอยากให้คนคนนั้นสะบายใจ ถ้าเขาอยากให้เราเชื่อ เราก็จะไม่พูดออกไป

บ่อยครั้งที่เราเสียใจกับการกระทำและคำพูดแรงแรง
แต่เราต้องบอกว่าเราไม่เป็นอะไรเลย
ไม่ใช่เพราะเรากลัวเขาเห็นความอ่อนแอ
เราแค่อยากให้เขาได้แสดงออกในสิ่งที่เขารู้สึกเต็มที่
เราจึงยินดีที่จะยิ้มรับทุกการกระทำที่คนคนนัน้แสดงออก

บ่อยครั้งที่เราต้องร้องไห้ลำพัง
แต่เรากลับต้องร่าเริงทุกครั้งเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขา
ไม่ใช่เพราะเราอยากปิดบังความรู้สีก
เพียงแต่ เราแค่อยากให้คนคนนั้น สะบายใจ ก็เท่านั้น

ถ้าเราแคร์หัวใจกันและกันจริงๆ เราก็ต้องแสดงออก ให้เห็นว่า เราอยากดูแลหัวใจกันและกันจริงๆ
ไม่ใช่เหรอ ..... ???



ฟ้าสีเทา มอง ไม่เห็น ฟ้าขาวขุ่น

2552/12/13

ที่่ว่าง

อยากให้ความรักเป็นดั่งสายลมผ่าน
เย็นกายสะบายใจทุกคราวที่สัมผัส

อยากให้ความรักเป็นดั่งแสงแดดอุ่น
สาดส่องกระทบหัวใจให้คลายหนาว

อยากให้ความรักเป็นดั่งสายฝน
ตกลงมาเติมความชุ่มชื่นให้หัวใจในวันที่ไร้เรี่ยวแรง

อยากให้ความรักเป็นดั่งพื้นดิน
มั่นคงเข้มแข็งยิ่งใหญ่อุ่นใจเสมอเพราะรู้ว่ามีจะมีกันและกันเสมอ

ไม่อยากให้ความรักเป็นดั่งเปลวไฟ
ร้อนแรง หลุมหลง ลุกไหม้ และ มอดดับลง ในเวลาอันรวดเร็ว

ไม่อยากให้ความรักเป็นดั่งพายุ
พัดแรงจนใจหวั่นไหว เหมือนจะเย็นกาย แต่ก็หายไปในไม่ช้า

ไม่อยากให้ความรักเป็นดั่งดอกไม้
เหมือนจะสวยงาม สดใส หอมหวาน แต่ไม่นานก็เหี่ยวเฉา เน่้าสลายไปกับกาลเวลา

ไม่อยากให้เธอรักฉัน เพียงเพราะว่าฉันน่ารัก ฉันเป็นคนดี ฉันร่าเริงแจ่มใส ฉันไม่เรื่องมาก ฉันรับฟังเธอทุกอย่าง ฉันจิตใจดี

อยากให้เธอรักฉัน ในวันที่ฉันไม่สวย ฉันเป็นคนไม่ดี ฉันทำตัวน่าเบื่อหน่าย ฉันขี้บ่น ฉันเอาแต่ใจตัวเอง ฉันโมโหร้าย ด้วยได้มั้ย ??

ฉันแค่อยากเป็นตัวของตัวเอง และอยากให้เธอเป็นตัวของเธอด้วย
หากเราจะรักกัน ก็ขอให้เปิดรับในทุกอย่างที่เราทั้งสองเป็น
อย่ามองเพียงด้านที่เธออยากมองจากฉัน และทำเพียงด้านที่อยากให้ฉันเชื่อว่าเธอเป็น

ถ้าอยากจะให้ฉันรักเธอ ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาทำดีมากมายกับฉัน
ทำไม่ดี ทำร้ายฉันก็ได้ ยังไง ถ้าฉันจะรักเธอ ไม่ว่าเธอจะเลวร้ายอย่างไร
เธอก็จะเป็นคนเดียวในหัวใจของฉันไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน

และฉันก็อยากให้เธอรักฉัน ทั้งๆที่บางครั้งฉันก็ไม่ได้ทำดีกับเธอ
บางครั้้งที่ฉันก้ไม่ได้ทำตัวน่ารัก บางครั้งที่ฉันก็เป็นนางมาร้าย
ถ้าฉันเป็นแบบนั้น ฉันจะยังเป็นคนเดียวในหัวใจเธอรึเปล่า ??
เธอจะยังรักฉันอยู่มั้ย เธอจะบังคับให้ฉันเปลี่ยนแปลงรึเปล่า ??

วงกลม 2 วงที่อยากจะ หมุนไปพร้อมๆ กัน เรามองเห้นกันทุกด้านรึยัง ?
เราใจกว้างพอ ที่จะยอมรับอีกด้าน ของกันและกันมั้ย ?
ฉันจะแน่ใจได้อยากไร ว่าหากวันนี้ฉันหมุนไปพร้อมเธอแล้ว
วันที่เธอเห็นอีกด้านของฉัน เธอจะไม่ปล่อยฉันทิ้งไว้อีก ???

ที่ว่าง ที่เว้นไว้ ไม่ใช่อยากห่างไกลหัวใจเธอ
แต่... แค่อยากรักษาเอาไว้ ให้เราได้มองเห็นกันชัดชัดก่อน
เป็นวงกลมที่หมุนไปรอบๆ กัน มองดูกันให้เห็นทุกด้าน
ยอมรับกันในสิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะให้เป็น

ได้มั้ย . . .

ขอเธอแค่เท่านี้ ในวันที่ฉันเอง ก็จะพยายามเข้มแข็งให้มากที่สุดเช่นกัน

จากวันนี้ ขอให้เธอฝันดีทุกคืน ........


แดดสีเทา พบ ฟ้าขาวขุ่น

2552/11/24

การกระทำสำคัญกว่าคำำพูด

หากคุณชอบใครจงบอกใ้ห้เขาได้รับรู้ ดีกว่าในจะต้องมา่นั่งเสียใจ ในวันที่ไม่มีโอกาสนั่นแล้ว

หากคุณห่วงใยใคร จงแสดงออกให้เขาได้รู้สึกถึงความอบอุ่นอันนั้น ดีกว่าเก็บเอาไว้และปล่อยให้มันหายไป

หากคุณคิดถึงใคร จงอย่าเก็บมันเอาไว้ แสดงมันออกมา และมอบให้กับคนคนนั้น เพราะเขาจะไม่มีทางรับรู้ได้เองเลย และมันก็จะไร้ค่า

คำพูดอาจจะทำให้ซึ่งใจ แต่ การกระทำมันคือสิ่งพิสูจน์ความจริงใจ ทั้งต่อตัวเรา และ ต่อ ผู้รับด้วย

แสดงออกในวันที่ยังมีโอกาส
เพราะในวันที่เราต้องจากกัน
อย่างน้อย เราก็ได้มีความทรงจำดีดี
เอาไว้ให้นึกถึง ในวันที่ไม่อาจได้พบเจอ

. . . แดดสีเทา คิดถึงฟ้าขาวขุ่นอีกแล้ว

2552/11/19

学会共生 เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ในความเรียน " สังคมจีน" วันนี้

ในห้องคุยกีันเรื่อง เศรฐกิจของประเทศจีน
เราเลยถาอาจารย์ว่า แล้ว อาจารย์คิดว่า ประเทศจีนมีความพิเศสกว่าประเทศอื่นตรงที่เป็นระบบสังคมนิยม แต่ประเทศจีนตอนนี้ดูๆไปแล้วมันก็กำลังใช้ระบบ ทุนนิยม อยู่ อาจารย์คิดว่า ประเทศจีนจะกลายเป็น ทุนนิยมมั้ย แล้วมันจะเหมาะกับ สังคมจีนรึเปล่า?

อาจารย์ตอบว่า สังคมนิยม หรือ ทุนนิยม มันก็แค่ คำนิยาม มันเป็นทฤษฎี แต่ประเทศจีนตอนนี้ เราดูที่ ความเป็นจริง เพือพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า มันก็ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดกับคำนิยามพวกนั้น อะไรที่มันจะพัฒนาเศรษฐกิจเราได้ เราก็ทำทั้งนั้น เหมือนทฤษฎี เติ่ง เสี่ยว พิง ที่ว่า" ไม่ว่า แมวจะสีอะไร ขอให้จับหนูได้ก็พอ " ส่วนสุึดท้ายแล้วจะมาเรียกประเทศจีนว่าอะไร ก็ค่อยมาว่ากันอีกที

แล้วอาจารย์ก็ พูดถึงประเทศไทย เพราะแกเห็นว่าเรามาจากเมืองไทย ได้โอกาสก็เลยถามแกว่า
ในสายตาของอาจารย์ ประเทศไทย เรากำลังมีปัญหาอะไร ? เพราะอาจารย์พูดถึง ทักษิน พูดถึง อภิสิทธ์ พูดถึง เสื้อเหลือง เสื้อแดง

อาจารย์บอกเราว่า นายหลวงของเธอทำถูกแล้วที่อยู่ตรงกลาง เพราะในหลวงของเธอมีอิทธิพลกับคนในประเทศเธอมาก ทักษิณกับ อภิสิทธฺ ต่างก็มีปัญหาในตัวของเขาเอง สิ่งที่พวกเธอต้องทำคือ รู้จักเรียนรู้ที่จะอยู๋ร่วมกันให้ได้ คนในประเทศเดียวกัน โตมาด้วยกัน แผ่นดินเดียวกัน ยังไงมันก็หนีก็ไม่พ้น มันต้องยอมมาคุยกัน เปิดใจออกมา ว่า ผลประโยชน์ เธอ ฉัน จะแบ่งกันยังไง ไม่ใช่ แย่งกัน ต้องเรียนรู้ที่จะอยู๋ร่วมกันอย่างสงบสุขให้ได้ ปัญหามันถึงจะมีทางออก

ได้ฟังแล้วก็หวนคิดว่า คนชาติอื่นแท้แท้เขายังอุตสาห์หวังดีกับเรา แล้วพวกเราชาติเดียวกันแท้ๆ กลับคิดไม่ออก

ความเห็นแก่ตัว มันคลอบงำ เราคิดเอาแต่ได้ ไม่ยอมแบ่งปัน ยื้อแย่งกันไปแบบนี้ สุดท้ายแล้วมันก็ ไม่มีทางออก มันก็คาราคาซัง เพราะเราต่างไม่ลดลาวาศอก เราไม่คิดที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้

ลองคิดดูนะ คนในที่ทำงาน คนในร้านตลาด เพื่อนฝูง หรือแม้แต่คนในบ้าน ในครอบครัว ยังมีความแตกแยกทางความคิดเลยตอนนี้ การเมืองเป็นเรื่องที่เราคุยกันไม่ได้เลย เป็นเพราะอะไร เราว่า เพระาเราพยายามจะเอาความคิดเราไปใส่ในหัวคนอื่น และยอมไม่ได้ถ้าเขาไม่คิดแบบเรา เราไม่ยอมรับในความต่างซึ่งกันและกัน มันเลยเป็นอารมณ์ เป็นความอาืคาด พยาบาท แต่ถ้าเรา ลองที่จะฟังกันบ้าง ลองเปิดใจ เราอาจจะไม่เห็นดว้ย แต่เราก็ยอมรับฟัง ไม่ต้องบังคับให้เขาตอ้งมาใส่เสื้อสีเหมือนเราก็ได้ เราต่างกัน แต่เราก็ อยู่ด้วยกันได้ เราแบ่งสเปชให้กัน เรียนรู็ที่จะอยู๋ร่วมกันอย่างสงบสุข แบบนี้ ประเืทศเราก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมได้

ว่าแล้วก็คิดถึงคำคำนี้ สมัยก่อน เวลาคนแปลกหน้ามีปัญหากัน เรามักได้ยินคำว่า " ใจเย็นพี่ คนไทยด้วยกัน " แต่ตอนนี้คงไม่มีใครพูดแล้วซฺนะ มันคงไม่ซึ้งแล้วละมั้ง

เฮ้อ ..... เศร้าเนอะ

คิดถึง คนไทยด้วยกันจริงๆ จังเลย

ผานิตดา

2552/11/06

วันที่ไม่อยากแก่คนเดียว

เพิ่งกลับมาจากบ้านพักคนชรา

พาเพื่อนไปทำงานประเมินคุณภาพบ้านพักคนชราในเขตหยางผู๋ เซี่ยงไฮ้

ทำไมมันช่างน่าเศร้าจริงหนอ บรรยากาศมันอึมครีม เงียบเหงา มืดมืด ไม่มีบรรยากาศความร่าเริงของสิ่งมีชีวิตใดใด มีแต่ความรู้สึกเหงาหงอย รอคอย ว่างเปล่า เป็นทีี่อีกที่หนึ่งในชีิวิตนี้่ที่ไม่อยากไปอีกแล้ว

บอกไม่ถูกว่ะ มันก็ไม่ถึงกับหดหู่ แต่มันก็ไม่น่าอยู่

ถ้าเราแก่ตัวไปจะเป็นอย่างนี้ เราว่าเราไม่ไหวว่ะ มันคงเหงาน่าดู ถ้าต้องอยู่เพียงลำพังไม่มีลุกหลาน
การมีครอบครัวที่อบอุ่น คงจะทำให้อย่างน้อยเราก็จากโลกนี้ไปอย่างไม่เหงาเท่าไหร่นัก อย่างน้อยในช่วงบั่นปลายก็ยังได้มีคนที่รักคอยดูแล

มันทำให้เราคิดได้ว่า เราควรใช้เวลา วัยหนุ่มสาวให้คุ้มค่าที่สุด เพราะเมื่อแก่ตัวไป ยังมีเวลามากมายให้พักผ่อนทั้งวัน

หดหู่เสียจริง ไม่อยากแก่คนเดียวแล้ว พี่น้อง
ออกไปหาคนมาแก่ด้วยกันดีกว่ามั้ย
คงอุ่นใจกว่าเยอะเลย

2552/11/04

รักตัวเองมากกว่า

ความเจ็บปวด สอนให้เรารู้จักระวังตัวมากขึ้น

บาดแผล คอยย้ำเตือนเราให้จดจำความเจ็บปวดที่ผ่านมา

ความเข้มแข็ง ค่อยๆก่อตัวขึ้นจากบาดแผลที่ำกำลังกลายเป็นแผลเป็น

เรารู้จักรักตัวเองมากขึ้น เมื่อก้มมองดูรอยแผลเป็นที่เกิดจากความอ่อนแอในวันนั้น

ขอโทษเธอ ที่วันนี้ฉันจำเป็นต้องรักตัวเองมากกว่า

- - -

แด่หัวใจช้ำช้ำ ที่ถูกย้ำจนเข้มแข็ง
ในวันที่ฉันต้องเดินต่อไป เพียงลำพัง แม้ไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งพอรึเปล่า
เพราะชีวิตมีเรื่องราวมากมายเหลือเกิน
เธอเองก็เช่นกัน ... ขอให้โชคดี


- - -

อีกหนึ่งหน้ากระดาษ ที่ต้องยอมให้กับความอ่อนไหวของตัวเองในวันที่แสงเดือนหนาวจับหัวใจ

2552/10/20

้เข้มแข็ง อ่อนไหว

บนเส้นทางของชีวิต แม้เราไม่อยากที่จะเดินเพียงลำพัง
แต่บ่อยครั้งทางที่เราเลือกเดินมันก็บังคับให้เราต้องออกไปเผชิญเพียงคนเดียว
มันอาจจะเปลี่ยวเหงาบ้างในบางเวลา ที่ต้องทนกับแดดจ้า และลมฝน
แต่เราก็รู้ว่าเราจะเดินต่อไปได้ เพราะเราไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตจบอย่างครึ่งๆกลางๆ บนถนนแน่

บนเส้นทางของความรัก แม้เราอยากที่จะเดินไปด้วยกัน
แต่บ่อยครั้งทางที่เราเลือกเดินมันก็บังคับให้เราต้องเดินแยกไปคนละทาง
เพราะความเหงา ความอ่อนไหว ความอ้างว้า่ง ทำให้เราไม่อยากที่จะทนกับความเหน็บหนาวเพียงลำพัง
เราจึงเลือกที่จะทนเดินไปด้วยกัน หรือ เลือกที่จะแยกกันเดินแล้วไปหาเพื่อนร่วมทางคนใหม่

และ สำหรับเรา ถ้ามันไม่ไหว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทนกันอีกต่อไป


มีคนเคยถามว่าเราเิกิดมาคนเดียว จะอยู่ต่อไปคนเดียวไม่ได้เชียวรือ ...

ก็คงต้องตอบว่า... ได้ ... แต่ มันไม่น่าอยู่

เบื่อกับการตอบคำถามความรัก ซ้ำซาก
จะอยากรู้กันไปทำไมหนักหนา
เรื่องราวมันก็เรื่องเดิมๆ แค่เปลี่ยนตัวละคร
สุดท้าย มันก็ จบอยู่แค่ สองแบบ

แล้วจะทำให้มันยุ่งยากไปใย


บนเส้นทางที่ฉันเลือกเดิน อยากเข้มแข็งให้เท่ากับความอ่อนไหว
เผื่อว่าในวันนึง ฉันจะได้มีเรี่ยวแรงพอที่จะร่วมเดินไปด้วยกันกับเธอ

...

แสงแดดหนาวๆๆ ในเซี่ยงไฮ้ เวียนมาอีกครา

2552/10/09

วันหยุดแห่งชาติ

ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


กลับมาแล้วจ้า ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 1 เดือน สำหรับการเปิดเทอมอีกครั้งของชีวิตในเมืองเซี่ยงไฮ้ สนุกสนานเพลิดเพลินกับการปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงในช่วงวันหยุด จนร่างกายทรุดโทรม หวัดกิน ไปตามตามกัน พรุ่งนี้ก็ควรจะกลับไปเป็นนักศึกษาผู้น่ารักเช่นเคยแล้ว ฮ่าๆๆ เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง

การหยุดยาวๆ ก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆๆ แล้ว ตัวเรานั้นเป็นคนที่ขี้เกียจมากกก ครือ สามารถอยู่นิ่งๆได้ นั่งกระพริบตาทั้งวันได้โดยที่ไม่ทำอะไรเลย ครือ เราก็ชอบนะ ไร้สาระไปวันวัน แต่หลังจากนั้นก็มานั่งครําครวญว่าไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นมายี่สิบกว่าปี แก้ไม่ได้แล้วละ

อยากจะอัพเรื่องราวการผจญภัยล้านแปด แต่ การเข้าบลอคก้เป็นไปได้อย่างยากลำบาก ไม่เข้าใจว่า ทางการจีน มันจะบลอคไปถึงไหน เฟสบุค บลอคสปอต ยูทูป ครือ เนท มัน เน่ามาก อึดอัดจัง

หิวข้าวแล้ว ไว้ว่ากันมั้ยนะ

2552/07/19

ดงหิน








Avebury

Stonhenge

and

Salisbury

ไว้เด้วมาเล่า
ตอนนี้ ง่วง เมื้อคืนหนักไปหนอ่ย
ฮ่าๆๆ มึน ไวน์ เอิ้กกก



2552/07/17

Raining day !!!





วันนี้ฝนที่บิรสทอลตกลงมายังกะฟ้ารั่ว ระหว่างเดินไปโรงเรียน โอ้ โห พระเจ้าช่วย แทบกรี้ดดด เปียกไปครึ่งแทบ รองเท้าก็ชุ่มไปด้วยน้ำ แทบอยากจะเดินหันหลังกลับบ้าน แต่ก็นะ บ้านก็ไกลเหลือเกิน ก็เดินต่อกันไปละกัน

ระหว่างทางเดินกลับบ้าน คิดอะไรได้หลายอย่าง
จังหวะชีวิตที่นี่กับที่เซี่ยงไฮ้มันต่างกันเหลือเกินเนอะ ถ้าจะให้เปรียบเทียบ กับดนตรี เซี่ยงไฮ้ ก็เหมือน จังหวะ ดนตรีหมอลำอีสาน คึกคัก เร้าใจ เร่งเร้า เอาม้วนส์ ไว้ก่อน ส่วนจังหวะดนตรีที่ บริสทอล ออกแนว คลาสสิค เนิบน่าบ ทีละน้อย ค่อยๆ ขยับ เน้นความสวยงาม และใจเย็น กลายเป็นว่า ตอนนี้จังหวะชีวิต ก็กำลังเต้นอยู่
ในโซนประมาณนี้นี่ละ

มานั่งนึกๆดู ผู้คนฝั่งเอเชีย กับ ฝั่งยุโรปนี่ชักแตกต่าง จังหวะชีวิตคนเอเชีย ในเมืองใหญ่ ชัก รีบร้อน วุ่ยวาย ผู้คนเดินกับรวดเร็ว มีเรื่องต้องทำ มีเวลาที่ต้องเร่งรีบ จนไม่มีเวลามาเอื้อเฟื้อ เผื่อน้ำใจให้กัน เอาง่ายๆ การเดินข้ามถนนของคนที่นี่ ยังไงซะรถก็ต้องหยุด เคยยืนรอกะจะข้ามถนน เราก็ไม่กะว่าเด้วรอโล่งๆค่อยวิ่ง แต่รถที่วิ่งมาอย่างเร็ว เขากลับแตะเบรค หยุดให้เราเดิืน่ข้ามไปซะงั้น โอ้ ถ้าเป็นเมืองไทย ใจดีก็ชลอให้หน่อย เป็นอันรุ้กันว่า มรึงรีบๆ ววิ่งข้ามไปนะ แต่นี่แบบ มาถึงก็แตะเบรค เอียดดดดด เชิญข้ามซะงั้น โอ้ ใจดีจังแหะ นี่ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยงไฮ้ กว่าจะข้ามได้เนี้ย เรียกว่าเอาชีวิตเสี่ยงอยู่บนเส้นได้ วัดใจก้ันไป มรึงหรือกรูจะแน่
กว่ากัน

คิดดูแล้ว มันก็น่าจะมีเหตุผลอะไรหลายๆอย่างเนอะ เมืองนี้อาจจะเป็นเมืองเล็ก (ที่มีทุกอย่าง) ทุกที่เลยไม่ได้ใช้เวลานานที่จะไป ผู้คนก็มีเวลาเนิบนาบ มีเวลารอคอย คนก็มีกะตังค์ (บริสทอลถือว่าเป็นเมืองมีกะตังค์เขาอยู่กันเมืองนึงเลยนะ) เขาเลยไม่ต้องดิ้นรนเร่งรีบกับเวลา หรือ ก
ระเสือกกระสนหาเงินทองเท่าไหร่นัก ห้าโมงเย็น ร้านค้าปิด หกโมงเย็นห่างปิด ผับบางที่ปิด ห้าทุ่ม โอ้ เรียกได้ว่า เลิกเรียนมาก็ไม่ต้องได้ไปไหนกันเลยคับ เขาคงรีบกลับบ้านไปหาครอบครัวอะไรทำนองนี้ละมั้ง ถ้าเป็นเซี่ย
งไฮ้ นุ้น สี่ทุม บางที่ ยี่สิบสี่ ชั่วโมง ก็เพราะว่าต้องการขาย หาเงินให้ได้มากที่สุด ความแตกต่างตรงนี้มันก็สะท้อนอะไรหลายๆอย่างในเรื่องของ คุณค่า หรือ ทัศนคติของค
น ออกมาในหลายๆด้าน เนอะ ประเทศเอเชียก็กำลังเป็นประเทศกำลังพัฒนา เพระาฉะนั้นมันมีเหตุผลมากมายที่คนจะต้องออกมาแข่งขัน กลายเป็นว่า ทุกอย่างกลับกัน จากที่เคยมองว่า คนเอเชีย หรือ คนไทย อาจจะไนซ์มากกว่า กลับกลายเป็นว่า คนที่นี่ ไนซ์ มากกว่าเสียอีก อยากให้คนเมืองบ้านเรา ไนซ์อย่างที่เคยเป็นจัง จะต้องใช้้เวลาอีกซํกเท่าไหร่หนอ....

วันนี้ฝนตกหนัก เปียกปอนทั้วตัวและหัวใจ อู้ยย ย กิ้วววว


คิดถึงวันฟ้าใสที่บริสทอลแบบนี้









พรุ่งนี้ไปสโตนเฮนจ์ละ เด้วมาเล่าให้ฟัง

2552/07/16

เจอแล้ว!!

พี่น้องคร้าบ

ข้าพเจ้าค้นพบแล้วว่า สิ่งที่ถูกที่สุดและคุ้มที่สุดที่อังกฤษนี้คือ


.
.
.

แอลกอฮอล์ ค้าบ บ บ ทุกชนิด เรียกได้ว่า ไม่ต้องคิดมากเลย

เอ้า ดื่ม ค้าบ ดื่ม ม ม ม ม


2552/07/12

Explore London







From London1st





From London1st





From London1st


From London1st


ง่่วงจรัด เด้วมาอัำพต่อวันหลัง

อัพๆ

ทริปนี้ เป็นทริปสั้นๆ ที่ไปกับโรงเรียน one day travel card ตั๋วรถที่เรียกได้ว่าคุ้มมากสำหรับการเที่ยวในหนึ่งวัน คือ ไปที่ไหน ขึ้นรถอะไรก็ได้ เรียกว่าคุ้มสุดๆอะ ออกเดินเท้าไปบักกิ้งแฮมพาเลซ ทันดูทหารเปลี่ยนเวรแบบเห็นหลังไวไว น่าเสียดายมาก คนก็เยอะแยะ เหลือเกิ้น ต่อจากนั้นก็นั่งรถไฟทะลุไป เทาวเวอร์บริด ฟ้าฝนครึ้มมาก ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเลย ต่อจากนั้นก็นั่งรถไฟทะลุไปอีกฝั่งของเมือง พอโผ่ขึ้นมา โอ้แม่เจ้า ที่นี่ที่ไหนวะเนี้ย ก็เดินเดาๆ กับเพื่อนญี่ปุ่นผู้น่ารัก จนเจอ บริชติช มิวเซียม ใหญ่ได้อีกอะ มีอะไรดีดีให้ดูเยอะเลย แต่วันเดียวคงดูไม่หมด ก้เลือกๆดูอะไรที่่น่าสนใจอะ แล้วก็ไป ออกซ์ฟอร์ดสตรีทต่อ โอย แม่เจ้าคนเยอะได้อีก แบบมีแต่นักท่องเที่ยวอะ เลยกลับมาเดินวนรอบ เฮาส์ออฟพาลาเมน กับ บิกเบน ตอนกลางคืนคงสวยกว่านี้มากแน่ๆเลยเราว่า แต่เอาไว้เด้วค่อยหาโอกาศมานานๆ ละกัน
จะว่าไปแล้ว ลอนดอนก็เหมือนเมืองใหญ่ทั่วไป ก็ไม่ได้รุ้สึกว่าน่าตื่นตา ตื่นใจอะไรมากมาย คนบนท้องถนนมีแต่นักท่องเที่ยวทั้งน้าน คนอังกฤษจริงๆคงจะอยู่ตามบ้านนอกแถวนี้ละมั้ง ฮ่าๆๆ ก็ตามประสาเมืองใหญ่อะนะ คนเยอะ แหล่งชอปปิ้งแยะ แต่ว่า เมืองเขาก็สวยแบบอลังการดี แต่เราก็ไม่ได้ปลื้มอะไรมากมายอะ แต่ก็สนุกดี ได้ทำเห็นอะไรหลายอย่าง คิดว่าถ้ามีเวลา่มา คงได้ลงลึกในรายละเอียดคราวต่อไปละมั้ง

2552/07/10

หนึ่งสัปดาห์ในบริสทอล


First Friday in Bristol ...
หนึ่งสัปดาห์กับการเีรียน เหนื่อยเหลือเกิ้น น ไม่ได้เรียนหนักนะ เหนื่อยเดินไป กลับ บ้านต่างหาก
บ้านน้อยของเราก็อยู่บนเขา ต้องเดินลงไปเรียน ออกกำลังกายทั้งไปและกลับ เมื่อยขามากมาย
บริสทอลอากาศ สะอาดมาก แต่ว่า แปรปรวนเหลือเกิน หนึ่งวันมีครบ สามฤดู ฝน แดด หนาว แต่คนต้นไม้ที่นี่เยอะเหลือหลาย อากาศก็ดี้ดี ชิล เหลือเกิน ชีวิต จาก มหานคร อันเร่งรีบ จังหวะชีวิตของเราก็แลดูจะเต้นช้าลง เปลี่ยนอารมณ์ไปอีกแบบ


Clilfton college
นี่คือ ทางผ่านเดินไปโรงเรียน ได้อารมณ์แฮรี่พอตเตอร์มากมาย


สะพานยามเย็น สวยไปอีกแบบ อันนนี้เป็นวันแรกที่โรงเรียนมีปาร์ตี้ เวลคัมดริ้ง ง ง ฮ่าๆๆ
วอดก้านิดโหน่ย ย ย อิอิ


เพื่อนในห้องส่วนใหญ่ก็เป็นฝรั่ง จาก ยุโรป สวิซ อิตาลี สเปน เชค และอื่นๆอีกมากมาย ก็ไม่มีไรมาก เพราะไม่ได้ทุ่มเท เหอเหอ

วันนี้ลงไปเดินชอปปิ้งในเมืองมา เพราะว่าของกำลังเซล แต่รู้สึกว่าเครืองสำอางค์จะแพงพอกับดิวตี้ฟรีที่เมืองไทยนะ เหย แต่ว่าของเซลเต็มเลย โอย อดใจแทบไม่ไหว เหยๆๆ
คนที่นี่ก็ใจดีกันจังเลย ไนส์เนอะ จังหวะชีวิตของเขา เนิ่มนาบ ยิ่งกว่าเชียงใหม่อีกนะ คือทุกคนเต็มใจที่จะรอ ต่อคิว และใจเย็นเหลือหลาย ขึ้นรถเมล์ ก็ ค่อยๆ บอกคนขับว่าจะไปไหน คนขับก็ค่อยๆ กดตั๋วให้ คนยืนรอคิวขึ้นรถก็ ยืน รอแบบ ผู้ดี้ ผู้ดี นิสัยเถื่อนๆ ปากกัดตีนถีบ แถวเซี่ยงไห้นิ ต้องพักไว้ก่อนเชียว เหอเหอ ก็ดีไปอีกแบบ ไม่มีอะไรมาก ชีวิตว่างเปล่า พยายามทำตัวให้เรียบง่ายเข้าไว้ ถือว่ามาพักผ่อน เหอเหอ ไว้อาทิตย์หน้าค่อยเอาจริง เอาจังกับกานเรียนละกัน ฮ่าๆๆ (แก้ตัวไปเรื่อยตรู)

ไว้ว่างๆ ออกไปเดินดู มิวเซียมแล้วจะ ถ่ายรูปมาอีก

เด้ววันนี้ต้องเรีบนอน พรุ่งนี้ไปแรดที่ ลอนดอนแล้ว เย้ๆๆ

2552/07/06

วันแรก



วันแรก กับ โรงเรียน

เรียกได้ว่าเดินกันตับแล่บทีเเดียว เหย เ
ทสเลเวล เดินลงไปใจกลางเมือง ทัวร์รอบๆ กินข้าว เดินกลับ สุดยอดแห่งความเมื่อย อย่างฮา เดินๆๆ หลงๆๆ อยู่ก็เจอไอ้อาร์ม ตามทาง ฮ่าๆๆๆ สุดยอด เลยไปหาอาหารจีนกินกัน โ้อ้ ชีวิต เดี้ยนจาก คุนนาย สู๋ ยาจก ข้างถนน กินข้าว คลุก ควันรถ และ ฝุ่นผง ฮ๋าๆๆ น่าสงสารจริงๆๆ ขำตัวเองว่ะ

แต่ ดีใจได้เจออาร์ม ฮ่าๆๆๆ

พรุ่งนี้ก็จะได้รู้ว่าเรียนที่ไหนละ

เมืองก็สวยงามดีนะ

ดูรูปดีกว่า

วันนี้ โรงเรียนก้พาเดินทัวร์เมือง


Clifton Suspension Bridge วันที่สอง เมทพาเดินเลานๆๆ เหอ
Clifton Suspension Bridge
ระหว่างทาง เจอขบวน สาวยกทรง เป็นการรณรงค์ ให้ยอมรับ สิทธิเกย์ แม่เจ้า หญิงสาวกว่าร้อยคน เดินใส่ยกทรงไปรอบเมือง เหอเหอ
ยูชโฮสเทล ที่ซุกหัวนอนวันแรก สะอาด สะบาย และถูก วิวสวย แม่น้ำ ใจกลางเมือง










2552/07/05

Life is journey

กว่า ยี่สิบชม สำหรับการเดินทาง
คำเดียว เหนือยได้อีก

มาถึงแล้ว จ้า บริสทอล ลล ล ล

ฮีทโทรแอร์พอรต์ กับกรัเป๋าใบโต ลากๆๆๆ ขึ้นรถโคช ไปต่อยังบริสทอล
หลังจากนั้น คุณลุงแทกซี่บอกว่า ยูชโฮเทลอยู่อีกไม่ไกล ห้านาทีเดินถึง โอเค เดินก็เดิน ปรากฏว่า ผานิตดา ก็ลากกระเป๋า ผ่าเมืองไปเลยคะ นู้น สิบห้านาที ได้มั้ง กว่าจะหาเจอ สุดยอดมากกก ทำได้ยังไงวะเรา อืม ฝรั่งก็มองๆๆ ว่า นัง จีน นี่จะไปไหนหนอ เหอเหอ กว่าจะลากกระเป๋ามาถึงที่นี่ได้ก็ เรียกว่าเมืื่อยสุดๆๆ

เรืองนี้สอนให้รุ้ว่า ห้านาที อินเดีย (คนขับแทกซี่เป็นคนอินเดีย) ตอ้งคูน สาม นะเนี้ย

พอลากกระเป๋ามาถึง เชคอิน เรียบร้อย ก็เลยออกไปเดินเล่นรอบๆๆๆ เดินๆอยู่ก็มีความรุ้สึกว่ามีฝรั่งมันก็มองๆๆอะนะ อืม รู้สึกแปลกๆๆ ก็เอเชียอะนะ เหย เมืองเขาก็สวยดีนะ เป็นเมืองท่าที่น่ารักดี ออกแนวโรแมนติคด้วยนะ เหอเหอ แต่อย่าง ชอค คือ กำลังจะเดินเข้าไปซุปเปอร์ อีตาฝรั่งคนนึง ออกแนววัยรุ่น มองหน้าเราแล้วก็มาสะกิด
" เฮโล่ ยูแคน เซ่ เฮโล่ เฮ่ " โอ้ มรึงเป็นบ้าไรเนี้ย กรูละ งง
เออ มันคงไม่เคยเห็นเอเชียม้ง เหย ย ตกใจหมดเลย

ตอนเช้าก็ นั่งแทกซี่มาถึง บ้าโฮส อย่างปลอดภัย แถวนี้ก้เงียบเหลือหลาย แต่ว่า ก็ดีนะ ธรรมชาติดี
โฮส กับ เมท ก็น่ารักดี วันนี้เลยได้ออกเดินทัวรืเมืองซธเมื่อยเลย ฮ่าๆๆ
โรงเรียนก็แบบวว่า ไกลได้อีก แต่ก็นะ เมืองน่ารักดีว่ะ ชีิวิต อีกแบบนึง ก็คงสนุกไปอีกแบบ

ตะวันโด่งเลย จะหลับยังไงเนี้ย ดรีม


2552/07/03

ชีวิตคือการเดินทาง ทริป เซี่ยงไฮ้ ลอนดอน ๑

สวัสดีไดอารี่
หลังจจากที่หายไปนาน เพราะมาเนตเมืองจีนมันบลอคอะนะ ตอนนี้พ้นน่านฟ้าจีนมาแล้ว ก็สามารถกลับสู่โลกอิสระได้อีกครั้ง

เดินทางคะ ทริปนี้เป็นการเดินทางไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา จาก เี่ซี่ยงไฮ้ สู่ ลอนดอน

ตอนนี้ เวลา หกโมงเช้าที่ กรุงโดฮา ประเทศ การ์ตาร์ หลังจาก สิบ ชม บนเครืองบิน ตอนนี้เมื่อยตูดมากมาย

เป็นครัง้แรกกับทวีบนี้ ได้ข่าวว่า อัฟกานิส กับ อิรักก็อยู่เฉียดๆๆ ตื่นเต้นดี ถ้าไปลงแถวนู้นจะตื่นเต้นกว่านี้อีก ฮ่าๆๆ

เดินทางคนเดียวอีกแล้ว ทั้งๆๆ ที่ ตั้งใจไว้แล้วนะ ว่าหลังจากทริปไฮหนานเราจะไม่ไปไหนคนเดียวแล้ว แต่ก็จนได้ หรือว่า มันจะเป็นโชคชะตาก็ไม่รู็้้เนอะ เหอเหอ

ไปถึง ลอนดอนแล้ว จะไป บริสทอลอย่างไรหนอ ตื่นเต้นจัง จะไปถึงมั้ยดรีม

ช่วยลุ้นด้วยนะ

ปล สายการบินกาตาร์ อิ่มได้อีก เสริฟกรู ตลอดเส้นทาง

คิดถึงทุกคนที่รัก แล้วพบกันที่ลอนดอน


2552/06/02

เหนื่อยล้า

บลอคโดนทางการจีน บลอค

แล้วจะเขียนยังไง

อันนี้ก้เข้ามาแบบ ทะลุผ่านเวปอื่น

ชีวิต ยุ่งได้อีก


เหนื่อยล้า กับ ใครบางคนที่ไร้หัวใจ

จบกันซักที กับ ความหวังเลื่อนลอย ความห่วงใยที่ไร้ค่า การรอคอยที่ไม่มีวันมาถึง

อีกหน้าไดอารี่ ที่ เขียนถึง ความรัก ที่เจ็บปวด

- - -
พอกันที

2552/05/13

เหนื่อย

ปั่นงานให้เพื่อน

เหนื่อย

เสียงแหบ เลยทำให้ต้องใช้พลังเป้นสองเท่าในการพูด

ลมแทบจับ

...

แหบได้อีกเสียง

2552/05/11

หัวใจจะวาย ย ย

อากาศร้อน ทำเอาหัวใจแทบละลาย ยย ย ย ......
อู้ว ว

ติดสุราหนัก ควรให้ตับได้พักบ้าง
ระบบหัวใจ ทำงานผิดปกติ เต้นถื่ จนเหมือนมันจะวายคาอก
ร่างกายอ่อนเพลียจากอากาศร้อน และความเหนื่อยล้าที่สะสม
สมองสั่งการค้าง สามารถคิดและติดอยู่กับางเรื่องวนไปมาซ้ำซาก
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำการบ้าน เพราะสมองทำงานช้า
พูดไม่ได้ เพราะเส้นเสียงอักเสพในระดับเสียงกระเทยถาวร
เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย . . . ใกล้แล้วกรู
ถ้ายังไม่หยุดเสียวันนี้ อนาคตของชีืวิตเริ่มจะลิบหรี่แล้ว

วันแรกของเทอมที่ได้ทำหน้าที่สมกับเป็นนักเรียน
นรกของการเผางาน คลืบคลานมาอย่างเงียบๆ

อ้าก งานมา แต่ร่างกายกับสมอง กำลังทำงานช้าลง
อา าก ก ทำมั้ยรู้สึกว่าอายุ 70 ปี

คำเตือน การดื่มสุรา ทำใ้่ห้ความสามารถทุกอย่างในร่างกายลดลง

2552/05/08

จีน - ความหวัง - การเดินทาง

ชั่วโมงนี้คงไม่ใครปฏิเสธความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วของประเทศจีน โดยเฉพาะ ด้าน เศรฐกิจ ที่ดูเหมือนว่า จีน กำลังเป็นผู้กุมอำนาจทางการเงินในหลายๆ ประเทศ และเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวในการขับเคลื่อนของตลาดโลก
ผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่ เพื่อมาศึกษา ทำงาน ลงทุน ท่องเที่ยว และอีกอื่นๆ อีกมากมาย ถึงกับมีคนเปรียบเทียบว่า จีน เป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเลยทีเดียว
ในฐานะ คนนอกคนนึงที่อยู่ทีนี่ มาเกือบ 5 ปี ได้มีโอกาศเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายของที่นี่ ต้องบอกว่าในเวลาอันแสนสั้น เมืองจีนสามารถสร้างอะไรต่อมีอะไรได้อย่างมากมายจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ วัตถุ สิ่้งก่อสร้าง เศรฐกิจ การเมือง และสภาพสังคม คงไม่จำเป็นต้องบรรยายมากว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่วันนี้อยากจะเขียน คือ มุมมองอีกมุมนึงในด้านสังคมคนจีนที่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มคนอีกกลุ่มที่ดูเหมือนว่า เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ พวกเขาต้องยอมเสียสละอะไรหลายๆๆ อย่างในชีวิต

1. คนชนบทผู้จำต้องเสียสละ ให้กับคนเมืองผู้กอบโกย
เซี่ยงไฮ้ มหานครใหญ่ แห่งนี้ เป็นเหมือนแหล่งความฝัน ความหวัง ของแรงงานจากมนฑลใกล้เคียงให้เข้ามาแสวงหาความร่ำรวยที่นี่ ต้องบอกเลยว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา เดินตามท้องถนน เราจะได้เห็นภาพ คนที่ดูเหมือนเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด แบกกระสอบ แบกกระเป๋า บ่อยครั้งที่แอบยืนมองแล้วนึกสงสัยว่า พวกเขาจะเริ่มบรรไดของความหวังของพวกเขาจากตรงไหน ในเมืองที่มันเบียดเสียดขนาดนี้ จะมีที่ำพอให้พวกเขายัดตัวลงไปได้อีกหรือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันที่เราเห็นจากแววตาของพวกเขาเหล่านั้น คือ " ความตืื่่นเต้น และ ความหวัง ที่จะเริ่มเส้นทางชีวิตของพวกเขาในเมืองใหญ่" แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ทำได้เพียงเข้ามาเป็นแรงงานราคาถูก รับจ้างให้กับนายจ้างผู้กระหายเงินและหวังผลกำไร คนงานก่อสร้าง เข้ามาทำงานหนัก ค่าแรงต่ำ สวัสดิการถูก หรือ พนักงานในร้านอาหาร ยืนขาแข็งแลกกับรายได้อันน้อยนิด และอีกหลายอาชีพที่ แรงงานอพยพเหล่านี้จำเป็นต้่องทำเพือแลกกับค่าตอบแทนที่เรียกว่า "เงิน" แรงงานเหล่านี้ ต้องทิ้งบ้านทิ้งครอบครัวมา เพื่อหวังชีิวตที่ดีกว่า และความร่ำรวยในอนาคต

2. นักศึกษา ความหวังของประเทศ และความหวังของครอบครัว
การได้เข้ามาเรียนในรั้่วมหาลัยที่นี่ ทำให้เราได้มองเห็นอะไรหลายๆ เพราะมหาลัยที่เรียนอยู่ เรียกได้ว่าเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สดในเมืองเซี่ยงไฮ้ และอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศจีน เพราะฉะนั้น นักเรียนจีนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ต้องมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัด เรียกได้ว่าต้องเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด และตอ้งฝ่าฝันแข็งขันสูงกว่าเด็กในเมืองมาก เพราะฉะนั้นเด็กทีเรียนที่นี่ ต้องเรียกว่า คัดมาแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคนเก่ง มันจึงเป้นเรีื่องธรรมดาของนักเรียนในห้อง และแน่นอนการเป็นลูกคนเดียว มันบ่มเพาะ นิสัยอะไรหลายๆ ให้ความสำคัญกับผลการเรียน เน้นนะ ว่า เฉพาะ ผล ไม่นับ กระบวนการ มันทำให้พวกเขาต้อง กดดันตัวเอง สอบแข่งขัน นู้นนี่มากมาย หรือ ความมั่นใจในตัวเอง ที่บางครัง้แลดูออกจะเกินไปนัก หรือ ความรักตัวเองที่มากมาย เพราะเขาต้องแข่งขันมาตลอด จนมันแลดูจะเกินเลยจนแทบกลายเป้น ความเห้นแก่ตัว ของบางคน ลักษณะนิสัยการแข่งขัยเหล่านี้มันอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เด็ก และมันจะติดตัวออกไปในสังคมด้วย มันทำให้พวกเขาคาดหวัง และเพ้อฝัน จนบางครั้งอาจจะทำให้มันเกินจริงไปบ้าง พวกคนเหล่านี้คาดหวังว่าตัวเองจะออกไปทำงานดีดี มีเงินมากมาย ความขยันและความยากลำบากในการเีรียน จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคต ดังนั้น พวกเขาจึงยอมสละเวลาในการ เล่น การเที่ยว หรือ การที่จะได้มาทำกิจกรรมสนุกสนาน ไปกับการอ่านหนังสือ และการเรียน ชีวิตวัยรุ่นหลายๆ อย่างถูกมองข้าม เพราะมันเป้นเรื่องไร้สาระ และพวกเขาจะกลับมาทำมัน เมื่อมีรวยแล้ว

ถ้าเราหันกลับไปมองว่า อะไรมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเหล่านี้ ชาวชนบทดิ้นรนและยอมทิ้งบ้านและครอบครัวเข้ามาทำงาน หรือ นักศึกษายอมเสียสละหลายหลายอย่างในชีวิตวัยรุ่น เพื่อตั้งใจเรียน สิ่งหนึ่งทีเรามองว่ามันเป้นจุดเริี่่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง คือ " 价值观 " “ ค่านิยม” ของคนจีน

ความกตัญญู รักครอบครัว และ ความร่ำรวย


" 价值观 " “ ค่านิยม" คนจีน ให้ความสำคัญ และมี ค่านิยมที่ความร่ำรวย เพราะเขาเชื่อว่ามันจะนำมาสู่ความสะดวกสะบาย และความสุขในชีวิต เพราะฉะันั้น มันจึงเป็นคำตอบของการเข้ามาแสวงหาในเมืองใหญ่และ การยอมสละความสนุกสนาน เพื่อเรียนให้ได้เกรดดีดี ไปทำงานที่จะได้ผลตอบแทนสูงๆในอนาคต ซึ่งพอพวกเขารำรวยแล้ว ก็จะได้ไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง หรือ เพื่อที่อนาคตของลูกๆ

ค่านิยมเหล่านี้ดูคล้ายว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานของทุกสังคม แต่เป็นเพระาสังคมจีน ยึดถือในสิ่งเหล่านี้อย่างมาก มันจึงทำให้พวกเขา อดทน ดิ้นรน และ แสวงหา เพื่อตัวเอง จนบางครั้งกลายเป็น ความ รักแต่ตัวเอง และไม่คิดถึงคนรอบข้าง
ถ้าเป็นระดับครอบครัว ก็คือ ลูกฉัน ต้องดีที่สุด มีความสามารถมากกว่าลูกคนอื่น
ถ้าเป็นระดับห้องเรียน ก็คือ ฉันจะต้องเรียนดีที่สุด ต้องเก่งที่สุดในห้อง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ถ้าเป็นระดับการทำงาน ก้คือ ฉันจะต้องทำผลงานให้ได้เด่นกว่าใคร ไม่สนว่าจะเหยียบหัวรึเปล่า
ถ้าเป็นระดับสังคม ก็คือ ฉันจะต้องเป้นคนที่ร่ำรวยในสังคม ไม่สนว่าเงินที่ได้จะเป็นการเอาเปรียบลูกจ้างหรือไม่
ถ้าเป็นระดับประเทศ ก็ คือ ต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ในด้านเศรฐกิจ ไม่สนว่าจะทำลายสภาพแวดล้ิอมหรือไม่

เขียนมาเหมือนว่า จะตำหนิติเตียนหรือเกิน จริงๆ แล้วมันมีปัจจัยอีกหลายอย่างมาก ไว้วันหลังจะเรียบรียงระบบความคิดใหม่ และถ้ามีโอกาส จะลองเขียน ข้อดีดูบ้าง แต่ที่เขียนวันนี้ เพียงเพื่ออยากเตือนสติว่า ในการพัฒนาตัวเิองของประเทศจีนนี้ ยังมีปัญหาอีกมากมายซ้อนอยู่ ดุให้ลึก และเอาอย่างในบางเรื่องเท่านั้น



ผานิตดา

2552/05/07

เมา

รักอิสระ ชอบความสนุำกสนาน แต่ก็ต้องมีวินัยกับตัวเอง





ฮา

ทำการบ้านได้ด้วย โอ้ มึน จัง แง่ว ว

2552/05/06

รักแท้ัยังไง

เนื้อเพลง รักแท้..ยังไง - น้ำชา ชีรณัฐ

คำร้อง สีห์ ธาราสด
ทำนอง ณัฐวัฒน์ คณโฑแก้ว
เรียบเรียง อภิไชย เย็นพูนสุข, ประทีป สิริอิสสระนันท์

รักเอย รักเอ ก็เคยดูผู้คนรักกัน
ได้แต่มอง คนเหล่านั้น ยิ่งเห็นแล้วฉันไม่เข้าใจ
ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน อะไรมันดีไม่ดี
ที่เคยมองเห็น ก็แบบนี้ รักแล้วสุขยังงั้น
รักแล้วเจ็บยังงี้ แล้วยังไง

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน

เมื่อเธอ สนใจ จะชวนเราให้ลองรักกัน
ฉันแค่ขอ ให้ตอบฉัน ว่ารักแท้นั้นคืออะไร
ถ้ามีเหตุผลที่ชัดเจน ทำไมเราควรรักกัน
ถ้าฟังดูแล้ว มันสร้างสรรค์
ฉันก็อยากจะรู้ ฉันก็อยากจะรัก ดูสักที

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน



2552/05/04

พลังแห่งมวลชน กับกาลเวลาที่หายไป

五四运动
การเคลื่นไหวทางการเมืองครั้งสำคัญในประเทศจีนของนักศึกษาและประชาชน

4 พ.ค. วันนี้ หน้ากวางหัวโหลในมหาลัย ฟูตั้น มีการจัดโชว์รูปวาดเพื่อเป็นการละลึกถึงวันสำคัญ เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลครั้งสำคัญของนักศึกษาและประชาชน ด้วยเหตุผลของความรักชาติ และร่วมมือกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศจากน้ำมือนักการเมือง รัฐบาลที่อ่อนแอ และต่างชาติที่รุกราน เหตุการณ์ในตอนนั้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นแกนนำลุกขึ้นต่อสู้ เรียกร้องและกระตุ้นเตือนคนในประเทศให้ตื่นตัว และรับรู้ความจริงของประเทศ
หลายสิบปีผ่านไป สถานการณ์หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป รัฐบาล การเมือง สภาพสังคม ไม่เอื้อให้ประวัติศสาตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว นักศึกษาไม่ใช่ผู้นำทางความคิด หรือผู้ที่จะปลุกใ้ห้ประชาชนได้ตื่นรู้ความจริงของสังคมอีกแล้ว ตอนนี้นักศึกษา กลุ่มคนที่ได้รับการศึกษามากที่สุด แต่กลับแลดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่โง่ และตาบอดที่สุดในปัจจุบัน นักศึกษากลายเป็นเพียงกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่รักความสนุกสนาน คิดถึงแต่อนาคตตัวเอง และเตรียมตัวเพียงเพื่อจะกลายไปเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวในสังคม ไม่รู้ว่าเราเองจะตัดสินวัยรุ่นจีนดูแย่เกินไปหรือเปล่า แต่ในสภาพสังคมที่เรามองดู ลักษณะการศึกษาจีนไม่ได้เอื้อ หรือ จุดประกายให้นักเรียนได้กล้าคิดต่าง หรือ พูดง่ายๆว่า กล้าหือ ! กับรัฐบาล หรือ นโยบายของรัฐ มันอาจจะมีปัจจัยหลายๆด้านที่ทำให้ นักศึกษา ผู้มีการศึกษา เปลี่ยนบทบาทไปจากสังคมจีน แต่เหตุผลสำคัญก็คงเป็นเรื่องของรัฐ เรื่องของการเมือง และอำนาจของพรรคคอมมิวนิส ที่แอบแฝงอยู่ในชั้นเรียน แม้แต่ตัวนักศึกษาเอง หลายคนก็เลือกที่จะสมัครเป็นสมาชิกของพรรคตั้งแต่ยังคงเป็นสภาพนักศึกษา เพียงเพื่อเหตุผลว่า มันเป็นบันไดที่ทำให้ตัวเองได้หางานได้ง่ายขึ้น ได้รับอภิสิทธ์ทางสังคมเหนือกว่าคนอื่น การแข่งขันทางสังคม ผลักดันให้คนเห็นแก่ตัวตตั่งแต่ในรั่วมหาลัย ไม่รู้ว่า ความฝัน สังคมแห่งความ " 和谐" " Harmony " มันจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่ ในเมื่อรากของสังคมลึกลึก มันก็ปลูกฝั่งความไม่เท่าเทียมอยู่แล้ว

กลับมามองสังคมไทย รั่วมหาลัยไทย มีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน เราเคยมีประวัติศาสตร์ที่มีนักศึกษาเป็นผู้นำในการลุกขึ้นเรียกร้อง และปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นรับรู้และต่้อสู้เพื่อประเทศชาติ เรื่องราวยังคงเป็นที่กล่าวขาน .. แต่...แค่ในแผ่นฟิลม์ฺ และหน้าหนังสือเท่านั้นนะ คนในเหตุการณ์นั้น ก้กลับมากลายเป็นนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวและกอบโกยผลประโยชน์ ช่างน่าเสียดายอุดมการณ์ที่พวกเขาเหล่านั้นเคยมีเมื่อสมันยังเยาว์วัย ไม่รู้ว่าความดีของพวกเขาถูกกาลเวลาชะล้า หรือ ว่าพวกเขาเป็นเพียงคนชั่วที่แอบอ้างเป็นคนดีเท่านั้น

ที่เขียนมาทั้งหมดเพียงสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า " ปัญญาชน" ไม่ว่าจะในสังคมไหน ดูเหมือนว่าบทบาทของนักศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป ทำไม หลายสิบปีก่อนคำว่า " อุดมการณ์" มันถึงมีพลังอัดแน่นอยู่ในตัวของนักศึกษา จนสามารถทำหน้าที่เป้นแรงขับดันให้พวกเขากล้าออกมาแสดงความ รักชาติ และชักนำให้ประชาชนได้ออกมาปกป้องผลประโยชน์องประเทศได้ แล้ว
ทำไมตอนนี้ พลังเหล่านั้นมันได้หายไปจากพวกเขาเหล่านั้น?
มันก็คงมีปัจจัยหลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราสงสัย หรือมันเป็นเพราะมี "พลังมืดบางอย่างในความรุ้ที่เราเรียนกันเข้าไป"?
คนมากมายบ่นว่ายิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้ เป็นเพราะในห้องเรียน ในตำรา มันแอบแฝงพลังมืดอะไรเข้าไปข้างในโดยที่เราไม่รุ้ตัวรึเปล่า?
เราเรียนเพียงเพื่อที่จะไม่รู้ เรา้เรียนเพียงเพื่อเอาความรู้มาสร้างกำแพงให้เราโง่เขลามากขึ้นรึเปล่า?
เรามีความรู้มากแต่เราคิดไม่เป็น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรทีเราจะเอาปริญญามาติดฝาบ้าน?
แล้วสังคมเราก้ได้บัณฑิตใหม่ออกมาเป็นประชาชนที่ด้อยคุณภาพ ประเทศเราเลยเจริญลงทุกวันทุกวัน ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มองภาพรวมแล้วมันเหมือน เป็น วงกลม เป็นวงจรอุบาศ์ ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยลของกลุ่มคนที่มีอำนาจและหวังจะครอบครองอำนาจนั้นไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันแลดูแย่จัง หรือถ้ามันไม่ใช่การวางแผนอย่างแยบยลของกลุ่มคน มันก็อาจจะเป็นความโง่เขลาของคน และความโลภของในตัวมนุษย์ แบบนี้ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ แล้วเราจะแก้ยังไง ?

มีคนมากมายคิดว่า ถ้าไอ้นักการเมืองเลวๆ ตายไปหมดก็คงดี อืม .. ชั่วโมงนี้ความคิดแบบนี้มันก็ไม่เลวนะ เร็วดี ตรงจุดดี แต่ มันไม่ได้แก้ปัญหาที่ราก เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มันจะเข้ามา มันจะไม่เลวเหมือนกัน ..
ถ้าความเลวมันเป็นเหมือนไวรัสที่แอบแฝงอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนละ ...ถ้ามันอยู่ในตัวเราตั้งแต่เกิด มันอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ฆ่าไม่ตาย เพราะความตายไม่ได้ทำให้คนหายเลว
ความโลภ ความอยากได้ มันก็มาพร้อมกับอำนาจนั่นละ มันเป็นธรรมดาของคน เราทำอะไรไม่ได้ ถ้าจริยธรรมมันไม่ได้เจริญงอกงามในตัวของคนคนนั้นจนสามารถป้องกันความเลวได้ มันก็อย่างที่เขาว่านั่นละ คนเก่งแต่ไม่ดี สังคมก้ฉิบหาย คนเก่งมันสร้างไม่ยากหรอก แต่คนดีนี่ซิ สร้างยังไง ?

สรุปสังคมไทย หรือ จีนก็ยังคงต้องการการชี้นำ แต่พลังอันบริสุทธิ์ของ ปัญญาชน ตอนนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว กาลเวลาและอำนาจมืดบางอย่าง ล่อหลอมให้คนกลุ่มที่เป็นความหวังเปลี่ยนไป ไวรัสในตัวแลมันจะออกฤทธิ์เร็วขึ้นเรื่อยๆ

ก็ได้แต่หวังว่า จะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

...
บ่นบ้าตามประสาคนเพิ่งตื่น

2552/05/03

ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เวลาที่เราฉีดวัคซีนป้องกันโรค ก็คืือการฉีดเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมันได้รู้จักและปรับสภาพตามธรรมชาติ ถ้าร่างกายอ่อนแอกว่าโรค เราก็อาจจะป่วย แต่ในที่สุดเราก็จะมีภูมิคุ้มกัน และเราก็แข็งแรงและมีภูมิค้มกันต่อโรคต่างๆในอนาคต

ชีวิตก็คงเหมือนกัน

เวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆๆ แม้ว่ามันอาจจะทำให้เราอ่อนแอในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ประสบการณ์นั้นจะทำให้เราเข้มแข็งในอนาคต เมื่อต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ และมันจะทำให้เรารู้จักวิธีการดูแลรักษาสภาพจิตใจให้ดีขึ้นได้ไม่ยาก

คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเจอเรื่องไม่ดีหรอก รวมทั้งตัีวเราเองด้วย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่า อย่างน้อยมันก็จะสอนให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอไม่เจอซะดีกว่า แต่มันแย่ตรงที่ว่า เมื่อเราไม่เคยมีประสบการณ์แย่ๆ เวลาที่มีเรื่องร้ายๆ เข้ามา มันก็ทำให้เราอ่อนแอและเจ็บปวดมากมาย และทำใจยอมรับได้อย่างยากลำบากกว่าคนปกติที่เขาเคยผ่านมาแล้ว เรียกง่ายๆว่า ไม่มีภูมิคุ้มกันเอาเสียเลย แย่จัง อ่านหนังสือเขาบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และมันจบไปนะเวลานั้นแล้ว เราเองต่างหากที่ไม่ยอมวาง และยังเก็บ ยังคิด ให้มันมาทำร้ายหัวใจเราเอง อืมก็คงจริงนะ เรื่องร้ายๆ มันจบไปแล้ว แต่เราเองต่างหากที่ไม่ยอมวาง ทำตัวเหมือนลิงดมกะปิ รู้ว่ามันเหม็นแต่ก้เอามาดม จริงๆ แล้ว กะปิ ไม่ได้ทำให้ลิงเป็นทุกข์ ความเกลียดกะปิของลิงเองต่างหากที่ทำให้ทุกข์
ถึงขั้นต้องใช้ธรรมมะ เข้าข่ม อืม ....

พยายามอย่างมากที่จะไม่ยึดติดผูกมัด เราเองที่ทำให้ตัวเราเองเจ็บปวด ไม่ใช่คนอื่นทำ
ทุกข์ตรงไหน ให้แก้ตรงนั้น
เจ็บตรงไหน แก้ตรงนั้น
ไม่ใช่เขา แต่เป็นเราเิอง

สาธุ ...



------------------

หัวใจจะวาย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
โรคฟุ้งซ่านกำเริบ

รู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องจริงจังกับอนาคตอันใกล้ของตัวเองแล้ว

เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

2552/05/01

ก้าวผ่านความเศร้า

เหมือนว่า 48 ชั่วโมงที่แล้วควรภาพความทรงจำควรจะเป็น ตัวเองนั่งร้องไห้ ทำหน้าเศร้าๆ อยู่ในบ้าน

แต่

กลายเป็นว่า มีแต่ภาพตัวเองนั่งหัวเราะ เฮฮา

สรุปว่าช่วงเวลาแห่งความเศร้า ถูกข้ามผ่านไปด้วยความตั้งใจ

รู้สึกดีทีี่่ไม่ต้องอยู่คนเดียว เวลาที่รู้สึกแย่ๆ

- - -

แทงกิ้ว เพื่อน อาหาร และ ความเมา ฮ่าๆๆ

2552/04/29

Gd Morning Diary ~~

ตื่นเช้า

แค่บันทึกไว้หน่อย นานนานที

อีกครั้งที่รู้สึกปลอดภัย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น

โลกมันดูเงียบสงบดีจัง

แสงอาทิตย์กับการเริ่มต้นของชีวิต

ชั่งเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ

อรุณสวัสดิ์นะ
ผานิตดา

2552/04/28

เมื่อรู้สึกว่าเหนื่อยกับคน

อย่างที่รู้ว่า

คนเราล้วนมีความลำพองในความสามารถของตนเองทั้งนั้น

คนดีไม่จำเป็นต้องอวด คนเก่งไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้เห็นว่าเหนือกว่า คนฉลาดมักจะเรียนรู้ที่จะฟังมากกว่าอวดดี

เวลาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าเราจะเคยเป็นเทพมาจากไหน แต่เมื่อมารวมกันเป็นทีม มันหมายความว่า เทพก็ต้องรู้จักพกหู และหัวใจที่เปิดกว้่างมายอมรับในความคิดของคนอื่นด้วย

ไม่มีใครทำอะไรได้คนเดียวในโลก เขาถึงได้สร้างคนให้แตกต่างเพื่อที่จะได้รู้จักเรียนรู้ และยอมรับในตัวตนของกันและกัน

การหยุดคิดที่จะโต้แย้งคนอื่น แล้วหยุดฟัง อาจจะทำให้เรามองเห็นอะไรได้กว้างมากกว่ากะลาใบเดิืมที่ครอบกะบาลอยู่

หรือ ไม่จริง ?



ผานิตดา
โหมด กัด จิก

2552/04/26

กล่องความฝัน

Dream Box

ทุกคนล้วนมีความฝัน
บางคนปล่อยความฝันให้มาโลดแล่นอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง
บางคนกักขังความฝันอยู่ในโลกของการหลับไหล

ความฝันกับความจริง ต่างกันแค่การลืมตา และความกล้า

เลือกเอาเอง

2552/04/23

Way back to love

Lyrics

I’ve been living with a shadow overhead
I’ve been sleeping with a cloud above my bed
I’ve been lonely for so long
Trapped in the past, I just can’t seem to move on

I’ve been hiding all my hopes and dreams away
Just in case I ever need em again someday
I’ve been setting aside time
To clear a little space in the corners of my mind

All I want to do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
Oh oh oh

I’ve been watching but the stars refuse to shine
I’ve been searching but I just don’t see the signs
I know that it’s out there
There’s got to be something for my soul somewhere

I’ve been looking for someone to shed some light
Not just somebody just to get me through the night
I could use some direction
And I’m open to your suggestions

All I want to do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart again
I guess I’m hoping you’ll be there for me in the end

There are moments when I don’t know if it’s real
Or if anybody feels the way I feel
I need inspiration
Not just another negotiation

All I want to do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart to you
I’m hoping you’ll show me what to do
And if you help me to start again
You know that I’ll be there for you in the end



2552/04/13

กลัว

Album: Scrubb สครับบ์
Genre: Alternative
Language: Thai
Artist: Scrubb สครับบ์
Tags: Scrubb
Lyrics:


ในบางเวลา ที่เธอนั้นยิ้มเป็นสุข ฉันแอบเก็บความหวังไว้
เผื่อในวันนึง ที่เธอนั้นพร้อมเข้าใจ ฉันอยากอธิบาย
ความทรงจำดีๆที่ฉันมีอยู่ ล้วนมีเธอโอบกอดไว้
แต่ความเป็นจริงที่ฉันไม่พร้อมจะไป เริ่มสิ่งใหม่ กับเธอ

ก็เป็นเพราะ กลัวไม่เป็นเหมือนวันก่อน กลัวไม่เป็นอย่างใจหวัง
เก็บส่วนลึก ของใจไว้ห่าง ไม่คู่ควรกับใคร

มันคงจะดี ที่เราก็ยังได้เจอ แลกเปลี่ยน ผ่าน ความห่วงใย
ส่วนใจตัวเอง ก็ยังไม่เคยเข้าใจ เริ่มอะไร ไม่เป็น

แค่ให้ฉัน เก็บเธอไว้ อบอุ่นข้างใน อย่างนั้น (ปั๊บปับปา)
เก็บรอยยิ้ม ความสดใส อยู่ให้นานเท่านาน

ก็เป็นเพราะ กลัวไม่เป็น เหมือนวันก่อน กลัวไม่เป็น อย่างใจหวัง
เก็บส่วนลึก ของใจไว้ห่าง ไม่คู่ควร กับใคร

มันคงจะดี ที่เราก็ยังได้เจอ แลกเปลี่ยน ผ่าน ความห่วงใย
ส่วนใจตัวเอง ก็ยังไม่เคยเข้าใจ เริ่มอะไร ไม่เป็น

ส่วนใจตัวเอง ก็ยังไม่เคยเข้าใจ เริ่มอะไรไม่เป็น

...

2552/04/09

ถามเอาอะไร

เกลียดคำถามเธอ เมื่อยามที่พบเจอ
ว่าวันนี้ฉันไม่เป็นไรใช่ไหม
ถ้อยคำเหมือนหวังดี ที่เธอแค่พูดไป
อย่างไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้น
คนคนนึงที่โดนทิ้ง คงจะอยู่อย่างสุขสันต์
คำผ่านผ่านประเภทนั้น ถามเอาอะไร

วันที่เธอมีเขาข้างกัน
ข้างกายของฉันว่างเปล่า มันเหงาจะขาดใจ
แต่ละคืนยาวนานและแสนยากเย็น
ไม่รู้ ต้องทำเช่นไร ให้ผ่านคืนโหดร้ายไปอีกคืน

หากต้องกลั้นใจ ไถ่ถามเพื่อทักทาย
ก็ช่วยถามบางคำที่ดีกว่านี้
อย่าทำเหมือนเห็นใจ อย่าทำเหมือนแสนดี
เมื่อเธอเองที่เป็นตัวการทุกอย่าง
คนคนนึงที่เธอทิ้ง คงไม่เจ็บเท่าไหร่มั้ง
คงไม่ปวดหรอกความหลัง จะถามเอาอะไร

วันที่เธอมีเขาข้างกัน
ข้างกายของฉันว่างเปล่า มันเหงาจะขาดใจ
แต่ละคืนยาวนานและแสนยากเย็น
ไม่รู้ ต้องทำเช่นไร ให้ผ่านคืนโหดร้ายไปอีกคืน

วันที่เธอมีเขาข้างกัน
ข้างกายของฉันว่างเปล่า มันเหงาจะขาดใจ
แต่ละคืนยาวนานและแสนยากเย็น
ไม่รู้ ต้องทำเช่นไร ให้ผ่านคืนโหดร้าย..

วันที่เธอมีเขาข้างกัน
ข้างกายของฉันว่างเปล่า มันเหงาจะขาดใจ
หมดเวลาไปกับการร้อง...ไห้จน หมดแรง
ให้มันง่วงไป เพื่อผ่านคืนโหดร้ายไปอีกคืน


2552/04/08

อึดอัด

ถ้าไม่อยากเจ็บ ก็อย่าเอาหัวใจไปผูกติดกับตีนของใคร

เพราะถ้าเขาก้าวขาจากไป เราจะต้องเจ็บใจเสมอ

. . .

เห็นแก่ตัว กับ ปกป้องตัวเอง ห่างกันแค่เส้นบางๆ ต่างกันที่ความจริงใจ

คำถาม ที่เคยมีคำำตอบไปแล้ว
วันนี้ มันกลับมาอีกครั้ง หรือ จริงๆแล้ว มันไม่เคยมีคำตอบ
และทำไมตอนนี้ ไม่อยากรู้แล้ว

เวลาเจอคนเยอะๆ มันทำให้เรามองไม่เห็นตัวเอง
มันวุ่นวายเกินไป จนทำให้รู้สึกเหนื่อยกับความสัมพันธ์
อยากหลบไปพัก คิดถึงบ้าน รู้สึกว่าข้างในมันวุ่นวายเหลือเกิน
สับสน ผู้คนมากมาย ล้วนแปลกหน้า
แม้แต่ตัวเองบางครั้งยังกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตัวเองเลย

เป็นอะไรไปหนอ...



แน่นหน้าอกว่ะ
คล้ายจะเป็นลม
ซัดยาหอมไป 1 แก้ว
โคตรขม
ยายกินได้ไงวะ
หอมจริง แต่ ขมโคตร
อ้าก
อยากเรอ..อ

จะพ้่นคืนนี้มั้ยอาการ

รักพ่อแม่ที่สุดในโลกกว้่าง
คิดถึงแกจังไอ้หมาแรมโบ้ อยากกอดมากมาย

...

2552/04/05

ตับฉันเพื่อเธอ

ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงอีกแล้วครับพี่น้อง

หกโมงเช้า สว่างคาตา ฮ่าๆ ๆ

นั่งทำหน้า มึน มึน งง งง ใส่่กัน

สนุกสนานเฮฮากันเมามาย ฮ่า ๆ

หัวถึงหมอนหลับเป็นตายครับ

ยังไงก็ สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน ฮ่า........

ช่วงนี้คนเิิิกิดบ่อย ตับตรูคงพิการในเร็ววัน เิ้อิ้ก

แต่ไม่เป็นไร เต็มใจจ้ะ ฮ่้าๆ

ตับนี้เพื่อเพือนทั้งน้าน

2552/04/02

อนาคต ชีวิต

เครียด ด ด

นั่งเครียดทั้งเช้า

สับสนกับอนาคตของตัวเอง มันช่างแลดูขุ่นมัวอะไรเช่นนี้ เป็นคนที่ไม่สามารถวางแผนลาวงหน้าให้กับชีวิตของตนเองเกิน 3 เดือน อะไรที่มันยาวกว่านั้น มันจะเลือนลอย และไม่เป็นหลักแหล่งพร้อมเปลี่ยนแปลงเสมอ นั่งคิดถึงอนาคตของตัวเองแล้ว โคตรปวดหัว ทำไมชีวิตมันมีเรื่องราวมากมายเหลือเกิน มีเรื่องมากมายที่อยากทำ โลกใบนี้มีที่มากมายที่อยากไป มีอะไรต่อมิอะไรที่ต้องทำ มันเหนื่อยตรงที่ว่า พออยากแล้วก็ต้องดิ้นรน ขวนขวายกันไป ความลำบาก เหนือยยากนี่ละ ที่ทำให้เครียด ๆๆ ชีวิตอีก 1 ปี กว่า ต่อจากนนี้ชีวิตเราจะไปอยู่ที่ไหนหนอ จะอยู่ที่จีนต่อ หรือ จะ ร่อนเร่ไปที่อื่น อีก สองสามปี จะไปทำงานที่ไหน จะอยู่ในเมือง หรือ จะขึ้นเขา ชีิวตที่ต้องก้าวเข้าสู่อีกระดับขั้นนึง มันจะเป็นยังไง ทำไมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม โอย ย เครียดว่ะ ทำไมอนาคตเรามันดูมืดมน ขุ่นมัว โอย ชีวิตทำไมมันวุ่นวายเยี่ยงนี่ เกิดเป็นคน มันทำไมมีเรื่องวุ่นวายจัง อยากหายตัวไป อยากบวช ไม่อยากเหนื่อยกับโลกสมมุติใบนี้แล้วเว้ย ย ย

เป็นบ้า า า าา ไปแล้ว

อ้ากกกก

2552/03/31

รักคือการให้ไป

รักเดียวในดวงใจ - - กำลังหา
รักทั่วไปคือกำไรชีวิต - - กำลังเป็นอยู่

เอิ้ก ๆ

2552/03/25

ปลา ปลา ปลา

พักนี้ของหาย เลยต้องสร้างความดีให้กับตัวเองซะหน่อย

วันนี้เลยไปให้อาหารปลา เผื่อว่าัมันจะหิว

ให้แล้วก็สะบายใจดีเนอะ

ความสุขจากการให้ บางครั้งมันก็มากมายกว่าการรับนะ

ติดใจสนุกดี เด้ววันหลังไปให้อีก

2552/03/23

เมา มันส์ เหนื่อย

ไปเที่ยว อู่่ซี และซูโจวมา ละ

เป็นทริปที่ มันส์ เมา และ เหนื่อยมาก

แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดขึ้นสู่ระดับ สูงลิบลิ่ว

เปลี่ยนความตั้งใจใหม่

ถ้าจะให้เลิกเหล้าคงทำไม่ได้ รู้สึกผิดหวังในตัวเองจัง

งั้นก็เปลี่ยนเป็น

เทอมนี้ตั้งใจจะกินเหล้าทุกวันเลย

มั่นใจว่าทำไม่ได้แน่

จะได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แลดูยังเป็นหว่งสุขภาำพตัวเองดี

ฮ่าๆ เหมือนหลอกตัวเองเลย เิอิ้กๆ


อากาศที่นอกเซี่ยงไฮ้นำออกซิเจนสู่เส้นเลือด
ปอดได้หายใจเต็มที่อีกครั้ง
สดชื่นขึ้นเยอะ
พักนี้หัวใจเ้ต้นไม่เป็นจังหวะ
โอย หัวใจจะวาย ไม่หวายย
สงบสติ

นอนเหอะ

ฝันดีนะ ดรีม

เหนื่อย งานหลวงเยอะดี ชีวิตมันส์จนอยากก้อปปี้ร่างตัวเอง ลุยๆๆ โรคจิตเปล่าวะกรู
เด้วพรุ่งนี้ ก็เช้าแล้ว

คิสคิส

2552/03/19

รักแท้แต่ขอเป็นโสด

Unhooked Generation
รักแท้แต่ขอเป็นโสด ของ คุณ Jilian Straus

หนังสือเล่มนี้ โดนตั้งแต่ชื่อเรื่อง ได้ข่าวว่าอยู่กับเรามา 2 ปี อ่านจบไป 2 รอบ อย่างเป็นทางการ และอีกหลายๆรอบอย่างย่อยๆ แค่ชื่อหนังสือ โดนใจซะจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว เนื้อหาข้างในเป็นการ พยายามอธิบายว่า การที่เรามาอยู่ในจุดจุดนี้ (โสด) มันมีปัจจัยมาจากหลายประเด็นมันไม่ใช่แค่ว่าข้างในตัวเรา แต่มันคือ สังคมภายนอกรอบๆตัว ล่อหลอมเราโดยไม่รู้ตัวและนำพาเรามาอยู่ในจุดที่ว่า โ ส ด สนิท แต่ คิดไม่ซื่อ ฮ่าๆๆ เด้วจะอ่านประโยคเด่นให้ฟัง

" โฆษณาชิ้นหนึ่งบอกว่า ทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่มีข้อผูกมัด ข้อความเหล่านี้ห้อมล้อมเรา วัฒนธรรมการบริโภคที่ขยายตัวด้วยเทคโนโลยีกระทบต่อชีวิตรักเราได้อย่างไร เพราะว่ามีการเสนอทางเลือกอย่างนับไม่ถ้วน ทางเลือกที่ยากต่อการผูกมัดเพียงคนเดียว มีัยาสีฟันหลายชนิดให้เลือก ไปจนถึงมีรายการทีวีเป็นร้อยเป็นพัน
วัฒนธรรมบริโภคบอกเราว่า การมีทางเลือกมากดีกว่าเสมอ แต่ทางเลือกมากมายเหล่านี้ทำให้เกิดการตัดสินใจไม่ได้ กังวล และไม่พอใจ และบางกรณีรู้สึกกดดัน เมื่อต้องตัดสินใจซื้อของราคาสูง เช่น คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีุ่รุ่น มียี่ห้อ และประโยชน์อื่นๆมากมายทำให้รู้สึกมีข้อมูลมากเกินไปจนทำให้อยากเลี่ยงการตัดสินใจ เมื่อคณตัดสินใจซื้อแล้วคุณอาจจะรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เลือกโดยมักจะคิดว่าคุณน่าจะเลือกอีกอย่าง
"

ลองเอาความรู้สึกต่อความสัมพันธ์ของเราไปเปรียบเทียบดู นั่นละ คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ เน้นที่คนช่วงยุค 80 หรือ คนที่เกิดตั้งแต่ปี 1980 นั่นเอง เพราะช่วงนี้ก้เป็นวัยที่กำลังค้นหาความสัมพันธ์กันอยู่ ฮ่าๆๆ อ่านแล้วมันโด้นโดน สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ทั้งนั้น

ใครบอกเราว่า โสด เป็นโรคที่ติดต่อได้ทาง ความสัมพันธ์ ถ้าคุณมีเพื่อนที่โสดมากมาย แต่ตัวคุณไม่โสดแล้วละก็ ระวังตัวให้ดี อาจจะถูกดูดโดยไม่รู้ตัว ฮ่าๆ จริงซะไม่ต้องคอนเฟริม

ว่าแล้วก็น่าจะเอาไปเป็นหัวข้อรายงานส่งครู ประสบการณณ์ตรง เอิ้กก

ง่วงแล้ว หมดไปอีกนึงวัน
พักนี้ทำไมเห็นใครก็หล่อไปหมด ไม่ว่าจะหัวงอกหัวดำ ฮ๋าๆๆ แอบแซ่บเด็กเยอะมาก ป้าจริงๆตรู
อะนะ .. ตามประสาคนไม่มีพันธะก็เงี้ย


เด้วได้ไปเที่ยวแล้ว
เย้เย้

2552/03/15

ค้นหาตัวเอง

ค้นหาตัวเอง

อยู่เมืองจีนมา จะ 5 ปีแล้ว เรียนมหาลัยมาก็เกือบ 3 ปี จนถึงวันนี้สงสัยว่าตัวเองรู้อะไรบ้าง นึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากมาย ไฟในตัวที่มันเคยลุก ก็ไม่รู้ว่าดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้รางรางว่าตอนจบ ม.6 ก่อนมา ก็มีความตั้งใจหลายอย่างมากมาย อยากเรียนรู้นั้นโน้นนี่ จะทำนั่นโน่นนี่ และที่จำแม่นที่สุดก็คงจะเป็นคำสัญญาที่ ร.พ.ศิริราช ที่ตั้งใจจะกลับไปเป็นข้าราชการที่ดี จนถึงวันนี้ความตั้งใจยังอยู่ ไม่เคยเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าคุณภาพและความสามารถที่มีอยู่อันน้อยนิดตอนนี้ มันจะเหมาะสมกับหน้าที่ที่ตั้งใจจะไปทำรึเปล่า นั่งถามตัวเองว่า เรียนสังคมวิทยามา ได้อะไรบ้าง ปีสามแล้ว รู้อะไรบ้าง คิดไปคิดมาเหมือนว่าจะรู้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะตอบว่ารู้จริงแค่ไหน คิดมาแล้วมันก็น่าอายเสียจริง จะพออ้างเขาได้บ้างก็คงจะเป็นประสบการณ์ รู้สึกว่าทำอะไรหลายอย่าง และลองอะไรหลายอย่างมาก กล้าก้าวข้ามผ่านอคติของตัวเอง ทำให้ได้เปิดเรียนรู้ชีิวิตในแบบใหม่ๆ รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะ จนบ้างทีก็ไม่มีคำว่าำพอดีในชีวิตแล้ว แต่พอกลับมาดูหน้าีทีของตัวเอง อาชีำพที่ทำอยู่ คือ รับจ้างเรียนหนังสือ รู้สึกตลอดว่าทำได้ไม่เคยดีพอ ขี้เีกียจจนเป็นสันดานไปแล้ว ได้แต่รู้สึกผิด ถ้าเกิดจบไปสอนคนก็คงจะอายลูกศิศย์ลูกหาน่าดู รู้สึกว่าความรู้ไม่พอสอนคนจริงๆ สรุปทำอะไรไ้ด้บ้างวะเนี้ยเรา เฮ้อ
ขนาดจะนิยามตัวเองยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลย เราเป็นคนยังไงว้า ชอบอะไร ก็ระบุไม่ถูก ก็ชอบทำหลายอย่างน่ะ แต่ถ้าถามว่าเกลี่ยดอะไรนิ อันนี้สามารถตอบได้ชัดเจน เป็นโรคชอบสร้างความลำบากให้ตัวเองรึเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อไหร่ที่ว่างเป็นต้องสร้างกิจกรรม และภาระ เสพติดการเดินทางไปแล้ว ขอให้ได้ไปเหอะ นิดนึงก็ยังดี นี่แหละ ชีวิต หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กลับไปบรรจุ คงไม่ต้องไม่ต้องไปนั่งหน้าบานอยู่ที่ไหนซํกแหะนะ ถ้าเป็นอย่างนั่น เอามีดมาทิ่มกันซะยังจะดีกว่า สรุปเขียนมาก้ยังค้นหาตัวเองไม่เจออยู่ดี ชีวิตมันมีเรื่องราวมากมายจริงๆ เยอะมาก มิน่าถึงไม่มีใครอยากโต อย่างนี้นี่เอง หยุดเวลาไว้ที่ 18 ดีมั้ยเนี้ย เหย
อาทิตย์ที่แล้ว เซร็งมาก โดดเรียนไปรับจ้อบวันพฤหัส ปรากฏว่าแจคพอรต์ อาจร์ยเชคชื่อทั้งเช้าบ่่่าย โหย โคตรเซร็ง เห็นแ่ก่่้เงินเล็กๆน้อยๆ จริงๆตรู ได้ข่าวว่า ก็เอาไปซัดเหล้าคืนเดียวหมดอยู่ดี แลดูชีวืตเจริญแท้แ้ท้ สงสารก็แต่ประเทศไทย ที่จะมีข้าราชการขี้เมาอย่างเรา เหย ยิ่งทำให้รู้สึกผิด ชีวิตแลมืดมัวยังไงไม่รู้ จะไหวไหมตรู
บ่นอีกแล้ว อะนะ ไดมือมันหมดน่ะ ทนอ่านหน่อยละกาน



I dreamed I was missing, you were so scared

But no one would listen, 'cause no one else cared

After my dreaming, I woke with this fear

What am I leaving when I'm done here?

So if you're asking me, I want you to know

When my time comes, forget the wrong that I've done

Help me leave behind some reasons to be missed

Don't resent me, and when you're feeling empty

Keep me in your memory, leave out all the rest

Leave out all the rest, don't be afraid

I've taken my beating, I've shared what I made

I'm strong on the surface, not all the way through

I've never been perfect, but neither have you

So if you're asking me, I want you to know

When my time comes, forget the wrong that I've done

Help me leave behind some reasons to be missed

Don't resent me, and when you're feeling empty

Keep me in your memory, leave out all the rest

Leave out all the rest

Forgetting all the hurt inside you've learned to hide so well

Pretending someone else can come and save me from myself

I can't be who you are

When my time comes, forget the wrong that I've done

Help me leave behind some reasons to be missed

Don't resent me, and when you're feeling empty

Keep me in your memory, leave out all the rest

Leave out all the rest

Forgetting all the hurt inside you've learned to hide so well

Pretending someone else can come and save me from myself

I can't be who you are

I can't be who you are
-------------------------------------------------------------
แค่ชอบเำพลง พระเอกทไวไลท์เท่ได้อีก ถ้าได้แฟนอย่างนี้ ต่อให้เป็นแวมไำำพม์ก็เอาครื่อกานละว้า ฮ่าๆๆๆ


2552/03/14

เจ็บหัวใจ

รัก ก็ เจ็บ

ไม่รัก ก็ เจ็บ
..
..
..

เอาไงดี



2552/03/09

สายกลาง หรือ เฉื่อย เส้นบางๆจริง

สายกลาง หรือ เฉือย เส้นบางๆจริง

วันนี้มานั่งสงสัยการตัดสินใจของตัวเองในเรื่องของการเรียน จริงๆแล้วเราเป็นคนทำอะไร ทางสายกลาง หรือ เฉือย กันแน่วะ รู้สึกว่า คำนิยามมันจะ ห่างกันแค่เส้นบางๆจริงๆ

แต่ละเทอมก็ลงมันตามที่มหลาลัยให้ลงนั่นแหละ ไม่มีลูกฮึดจะมาลงที่ละเยอะๆ รู้สึกว่่าแค่นี้แต่ละเทอมกูก็แทบจะเอาตัวไม่รอด เทอมไหนอาจารย์สอนหวย กูก็ไม่ลงซะงั้น ทำใจไม่ไหว นึกเข้าข้างตัวเองไปว่า ก็เดินทางสายกลาง ลงไปธรรมดา ไม่หนักหนาอะไร จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เที่ยว เล่น กิจกรรม ทำมันทุกอย่าง กลัวชีวิตจะจืดฉืด

พอแก่เข้า เห็นเพื่อนในห้องลงกันซะเกือบหมดละ แบบว่าเขาอัดกันช่วงแรกๆ ตอนนี้ก็เหลือน้อย หรือ ไม่เหลือ อ้าว กลายเป็นว่าตรู เหลือเยอะ เวรละ

มาเปิดดูตาราง อืม แล้ว ถ้าลงไปหมดแล้วเทอมหน้าจะ เอาเวลาไปทำอะไรอะ แล้วไหนจะเืืทอมหน้าๆอีก ไม่มีวชาให้ลงซักกะตัว จะไม่เสียค่าเทอมฟรีเหรอว่ะ ( งกอีก)

สรุป เออ หรือ เรา เฉื่อยว่ะ แบบกับการเรียนนี่เป็นอะไรที ขอเรียนไปซึมซับไปอะ ให้อัดนี่ ไม่สามารถจริงๆ เข้าข้างตัวเองว่าเดินทางสายกลาง แต่ มันก็เอะ ทำไมคนรอบข้างมันกระตือรือร้นจังวะ เด็กจีนปีสามนี่ นับว่าเป็นฤดูกาลแห่งการสอบเก็บใบประกาศ ต้องมีใบประกาศคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ ความสามารถ บลาๆๆ ต่างๆ มากมาย เขาบอกว่า เวลาทำงานมันต้องใช้ อืม ม ก็ำพอเข้าใจว่า ขยันเพื่อ อนาคต เหอเหอ เหรอว่ะ มีความรู้สึกว่า มันแล เลื่อนลอยว่ะ จะได้ใช้จริงรึเปล่ายังไม่รู้เล้ย หรือ เป็นเพราะเราไม่ต้องกังวลเรื่องงานวะ เลยรู้สึกว่าไม่แคร์ มันก็อาจจะใช่นะ เหย เริ่ม เห็นแวว ข้าราชการ เช้าชามเย็นชาม จากตัวเองแล้ว โหย .. ขนาดยังไม่ได้รับราชการนะเนี้ยเรา เฉื่อยๆ รอซะแล้ว อ่าว สรุปว่าเราเฉือยเหรอว่ะ ไม่รู้วะ เส้นมันบางมาก นิยายไม่ออกเลยแหะ

ไอ้โรค ถ้าไม่ชอบก็ไม่ทำเนี้ย แก้ไม่หายจริงๆ ถ้าไม่พอใจเข้าให้แล้ว ก็ไม่เอาแน่ อ่านหนังสือธรรมะ เล่มนึงเขาบอกว่า " ถ้าอยากทำอะไรให้ประสอบความสำเร็จ นอกจากที่เราจะลงแรงแล้ว เราต้องมีความเชื่อมั่นด้วย " สงสัยจังว่า มันสร้างจากอะไรหนอ ความเชื่อมั่นเนี้ย กับบางสิ่ง บางอย่างที่ไม่ถนัดแล้ว ต้องมาเผชิญหน้ากับมันเนี้ย มันจะสร้างยังไงเหรอว่ะ

วันนี้ไปแรด ที่ แคมปัส เฟิงหลิง ชีวิตก็มักจะเป็นอย่างนี้ เวลาอยากไปไหน ถ้าวางแผนมากมากก็มักจะไม่ได้ทำ พอรู้สึกว่าอยากไปก็ ไปเลย ให้เพื่อนนักเรียนหมอพาเดินดู โรงพยาบาล ห้องชันสูตร เออ กรูนิก็หาความตื่นเต้นให้ชีวิตเสียจริง แต่ก็นะ อีกรสชาติ เสียวๆๆดี ฮ่าๆๆๆ

อ่าว ดึกอีกแล้ว ทำไมชอบนอนดึก แล้วทำไมชอบบ่นมาตัวเองนอนดึก ทั้งทั้งที่ก็ไม่เคยจะนอนเร็วได้
นิสัย ที่ แ้ก้ ยาก แก่ปานนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ทำไม บางทีเราอาจจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็ได้นะ ฮ๋าๆ

เมื่อไหร่ จะ เขียนนิยายเสร็จ รับปากพี่เขาไว้ ก็ยังไม่ได้ทำ และคิดว่าอีกคงไม่สามารถลงมือเขียนได้ภายใน ปี หรือ สองปีนี้ ไดอารี่ การเดินทางที่กอง กอง และกอง พอกพูน ก็ยังอยู่ในสมุดบันทึก และตอนนี้สมุดไดอารี่ก็หมดแล้ว เหลืออยู่ 2 หน้า อยากได้แบบ ปกผ้า หาซื้อที่ไหนว่ะ

เออ มาถึงตรงนี้แล้วก็ได้รู้ว่า ตัวเองเป็นคนที่บ่นได้เรื่อยๆมาก
ง่วงแล้วงะ

ปล. สงสัยว่าทำไมตัวเองไม่อยากกินเหล้าแล้ว
ปล2. สงสัยว่าทำไมพอตั้งใจจะเลิกเหล้าแล้วทำไมไม่มีใครเชื่อ
ปล3 . สงสัยว่าำำพอไม่มีใครเชื่อ ตัวเองก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำได้เหมือนกัน อ้าว ...
ปล4. หรือ ฉันอาจจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ปล5. ฮ่าๆๆๆ

ง่วงจัง

คิดถึงใครก็ไม่รู้
ก็ไม่รู้คิดถึงใคร
ใครคิดถึงก็ไม่รู้
ก็รู้ไม่คิดถึงใคร

โอ้....

2552/03/07

Jaan Kaplinski


The Bird and the Girl (1971)
โดย Iwasaki Chihiro



ความตายไม่ได้มาจากภายนอก ความตายอยู่ภายใน

เกิดและโตกับเรา
ไปอนุบาลและไปโรงเรียนกับเรา
หัดอ่านเรียนนับเลขกับเรา
เล่นเลื่อนไปกับเรา ไปดูหนังด้วย
ค้นหาความหมายชีวิตไปกับเรา
พยายามเข้าใจไอน์สไตน์และวีนเนอร์กับเรา
แต่งงาน มีลูก ทะเลาะ คืนดี
แยกทาง หรืออาจจะไม่แยกทาง กับเรา
ไปทำงาน ไปหาหมอ ไปแคมป์
ไปสถานพักฟื้น สถานบำบัด แก่เฒ่า
ได้เห็นลูกแต่งงาน เกษียณ
ดูแลหลาน เจ็บป่วย ตาย
ไปกับเรา อย่าได้กลัวเลย ความตายของเรา
จะไม่อายุยืนไปกว่าเรา

Jaan Kaplinski แปลโดย เฟย์
www.faylicity.com

2552/03/05

แดดออกแล้ว

วันนี้แดดออกแล้วละ หลังจากที่มืดมัวมานาน กว่้า 2 อาทิตย์

รู้สึกดีที่เห็นแสงแดดดด อยากน้อยก็เป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจข้างในมันยิ้มได้ในช่วงหลายๆๆวันนี้

เครียด เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเครียดเรื่องอะไร ให้ตายเหอะ

ช่างมัน อย่างน้อยวันนี้้แดดก็ออกแล้ว

ไปตลาดก่อน
12.24

หงุดหงิดมาก

ตอนนี้ หงุดหงิดมาก กกกกกกกกกกกกกกก

สาเหตุมาจากอะไรก็ไม่รู้

รู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคา

พยายามอย่างมากที่จะสะกดกั้นอารมณ์

ไม่มีใครผิด ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตน

แต่มันไม่ได้อย่างใจเรา เราเลย โมโห แต่ มันเป็นเรื่องที่โทษใครไม่ได้

ไม่ไหว แล้ว อยากจะ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ให้ตายเหอะ

ทำไม พักนี้ ยิ้มไม่ออกเลยวะ รู้สึกว่าในสมองมันไ่ม่มีความเฮฮาเลย

ตอนนี้รุ้สึกจิตไม่ร่างเริงเลย

ให้ตายเหอะ กรูเป็นไรวะ

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อยากทุบอะไรซะิิอย่าง ฮ้วย ย ย ย

2552/03/04

มุมมอง

เปลี่ยนมุมมอง

คนเรา มีหลายมุม

มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมุมไหนของเขา

และเราอยู่ตรงมุมไหนของเขาด้วย

ถ้าเราลองเปลี่ยนมุมทีี่มองเขา ขยับตัวและหัวใจเลื่อนมาอีกซักนิด

บางทีเราอาจจะได้มองเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป

ใครจะไปรู้นางร้าย อาจจะกลายเป็น นางเอกก็ได้

เราไม่สามารถตัดสินใครได้หรอก เราอาจจะรู้สึกไปเองจากการกระทำบางอย่าง

แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คนคนนั้นจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป

วันนี้ ไม่อยากเป็นอิงอรละ ดร.วิกานดา ก็ไม่เป็นละ

เป็น ผานิตดา นี่ละ

ฮ่าฺ่ฮ่าๆๆ

2552/03/02

นางร้ายนะย่ะ

อยู่ดีดีก็ขีเกียจพูดกับคนขึ้นมา ใ้ห้ตายเหอะ ... ทำไม เรื่องของคนมันถึงได้วุ่นวายถึงเพียงนี้

เบื่อว่ะ ชักเหนื่อย ที่จะต้องเป็นคนดี เป็นนางเอ้ก นางเอก เป็นผู้ที่ต้องยอมตลอดเวลา

กับบางคนนิ ใช้ความเป็นผู้ดีคงไม่ได้ผลนะ คงต้องเจอแบบ โหด โหด

ให้ตายเหอะ ไม่อยากร้ายนะ แต่ก็ไม่อยากทนอะ

นิสัยคนไทยนี่ก็เแปลกนะ ยิ่งเราให้ความเคารพ ให้ความเกรงใจมากเท่าไหร่ ยิ่งจะพยายามกดกันลงไปเท่านั้น

แทนที่ต่างคนต่างน้อมนอมใส่กัน มันไม่สะบายใจกว่าเหรอว่ะ

แล้วทำไมต้องมา ถอดหน้ากาก เปิดเผยหน้ายักษ์ใส่เราด้วยละ

เจอคนแบบนี้แล้ว อย่าจะหันหลังใส่ ให้ตายเหอะ ขี้เกียจจะปั้นหน้า

อย่าให้เจออีกนะ แม่จะ อิงออน เวอร์ชั่น โหด ซัดให้ตายกันไปข้างเลยเหอะ

" โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนนะ "

" อย่าท้า ! ! ! "

2552/02/27

คน กรรม ความสัมพันธ์


"ถ้าฅนเรามีความคิดน่าเกลียด มันก็จะแสดงออกมาทางใบหน้า และเมื่อฅนเราคิดไม่ดีทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกปี หน้าตาก็จะยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งสุดแสนน่าเกลียด ถึงขนาดที่คุณแทบจะทนดูไม่ได้ทีเดียว"

ฅนซื่อบื้อ : Roald Dahl
แปลจากภาษาอังกฤษ โดย สาลินี คำฉันท์







สังคม บรรจุไปด้วย คนมากมาย เมื่อมีหลายคนก็หมายความว่าเราอยู่ร่วมกันด้วยการมีความสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะทั้งในหน้าที่ หรือ ไม่ใช่หน้าที่ก็ตาม และยิ่งโลกของเราเจริญมากขึ้นเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของคนก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น แล้วยิ่งมันมีตัวแปรทางด้าน วัตถุ ราคา มาทดแทนคุณค่า ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์มันซับซ้อย ชวนให้สับสนเข้าไปอีก ยิ่งโตขึ้น ยิ่งทำให้ยิ่งนึกถึงเวลาที่เป็นเด็ก

" ผู้ใหญ่ มักอยากจะกลับไปเป็นเด็ก " คงเพราะว่า อยากหลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิต
" เด็ก อยากจะโตเป็นผู้ใหญ่" คงเพราะอยากจะทำอะไรได้หลายๆ อยากอย่างที่เห็นคนตัวโตๆ เขาทำกัน

ความฝันในวัยเด็กของเรา จำไม่ได้แล้ว คิดไว้หลายอย่าง สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็คงไม่รู้ตัวเท่าไหร่หรอก แต่รู้สึกจะจำได้ว่า ตอนอยู่ ป 1 ได้ " มาร์คจุดเวลาเอาไว้ในความทรงจำ" ฮ่าๆ เคยนึกเล่นๆ ตอนที่เด็กๆ เราอยากรู้ว่า อนาคตเราจะเป็นยังไง อยากหลับตาแล้ว ลืมขึ้นมาเห็นตัวเองในอีก 10 ปี ข้างหน้า อยากจะบอกว่า " เราทำได้นะ " จำได้ชัดว่า ยืนอยู่หน้าบ้าน กำลังยืนดููุุดขวดยาคูลอยู่ แล้วก็ ตัง้ใจว่าอยากรู้ว่า อนาคตของเราจะเป็นยังไง ก็หลับตาตั้งใจว่าจะจดจำ ณ เวลานี้ ตรงจุดนี้ ไว้ตลอดชีวิต แล้วพอลืมตา ก็จะได้เห็นอนาคตของเรา จนถึงทุกวันนี้ สิบกว่าปีแล้ว ยังจำแม่นอยู่เลย พอเวลาผ่านไป นึกถึงวันนั้นขึ้นมา ก็เหมือนกับว่า เราเห็นอนาคตของตัวเองแล้วไง เพียงแต่เวลาของโลกภายนอกมันเปลี่ยนไปแล้ว แ่ต่เวลาในตัวของเรา ในชีวิตของทุกคน มันสามารถย้อนกลับเองได้นะ นี่ละคือการมองเห็นอนาคตในตัวเราเอง ฮ่าๆๆ แต่ ที่เคยอ่านหนังสือธรรมมะ เขาว่าเวลามันซับซ้อนมาก และจริงๆ แล้วพระพุืืทธองคก็หลุดจาก เวลา ไปแล้ว แต่ว่า ปัญนี้ คิดโดยใช่ตรรกะ ไม่ได้ ต้องใช้ จิต พิสูจน์เิอง เขาเรียกว่าเป็น 1 ใน 4 อย่างที่ไม่ควรคิดให้เสียเวลา ทีเหลือ อีก 3 จำไม่ได้ ฮ่าๆ

พักนี้รู้ึสึกว่า ทำไมคนเรามักจะระแวงกับความสัมพันธ์รอบตัวนะ มันอาจจะเกิดจากแรงกดภายนอกที่บีบให้แต่ละคนต้องสร้างกรอบ สร้างสเปซ ขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากความสัมพันธ์ มันก็ไม่ผิดนะ เพราะทุกคนมีสิทธฺ จะปกป้องตัวเองใช่มั้ย แต่สงสัยว่าแล้วตลอดชีวิต จะอยู่กับสเปซที่ตัวเองสร้างขึ้นอย่างนั้น มันจะไหวเหรอ เราว่ามันจะยิ่งทำให้ยิ่ง อ่อนแอ รึเปล่า เหมือนวัคซีนนะ อย่้างแข็งแรง ต้านโรคได้ ก็ยิ่้งต้อง ฉีด เชื้อโรคเข้าไป แล้วร่างกายมันก็จะได้ สร้างภูมิคุ้มกันได้ไง อย่างเช่น

ถ้ากลัวเหงา ก็ต้อง หัด อยู่คนเดียว
ถ้ากลัวจะไม่มีคนรัก ก็ต้องรักคนอื่นๆมากๆ
ถ้ากลัวความรัก ก็ ต้องหัด อกหักบ่อยๆ
ฮ่าๆ ๆ แต่อย่างว่าแหละ คน มันจะ เข้มแข็งได้เท่าไหร่เชียว อยากมีแว่นตาวิเศษเนอะ ใช้มองคนจริงใจไม่จริงใจ มองผ่านแว่นรู้ปุป คนนี้เป็นไง มาร้ายมาดี จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวคบกันให้เสียเวลา อยากให้ชีวิตเจอแต่คนดีดี ต้องทำยังไงหนอ เหย ย ย


ชีิวิตมีเรืองราวเยอะแยะมากมายจังเลย เริ่มจะเข้าใจแล้วละ ที่พระท่านว่า คนเราเกิดมาใช้กรรม ทั้งกรรมในภพ นี้ และ ภพ ที่ผ่านมา

กรรม คือ การกระทำ ที่เกิดจากเจตนา

ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็เกิดจาก กรรม ที่ทำโดยตัวทั้งนั้น

ปลง ง ง


2552/02/26

The Sun Will Always Rise

Hey don't cry, the night is almost through
And I'll be here to hold and comfort you
Sometimes you'll look out on dark and stormy skies

But darling remember the sun will always rise
And bring the light, and bring the light

Life will take you through many endless nights
And you may struggle with pain and loss sometimes
But as long as you are humble
And you stay true inside
Come what may the sun will always rise
And bring the light, and bring the light

Mountains will make it harder
Dark clouds will make you doubt
But you'll get through
And when I can't be with you
This ray of hope I give to you

So hey don't cry, the night is almost through
And I'll be here to hold and comfort you
Though sometimes you'll look out on dark and stormy skies
darling remember, the sun will always rise
And bring the light, and bring the light



และพระอาทิตย์ก็ขึ้นอีกครั้ง
ไม่ว่าจะร้อนหนาวแค่ไหน
พระอาทิตย์ก็ยังคงทำหน้าที่อยู่เช่นเดิม
ใครจะไปรู้
บางวัน พระอาทิตย์อาจตื่นสาย
บางวัน พระอาทิตย์อาจขี้เกียจ
บางหวัด พระอาทิตย์อาจเป็นหวัด
บางวันพระอาทิตย์อาจปวดหัว
บางวันพระอาทิตย์อาจ อกหัก

แต่

พระอาทิตย์ก็ยังคงต้องขึ้นของมันทุกวัน
ทำหน้าที่กันไป

ช่วงนี้ฟ้าที่เซี่ยงไฮ้ คงมีเรื่องเศร้ามาก
พระอาทิตย์ก็คงเหนื่อยและล้ากับภาระหลายอย่าง

ก็คงไม่ต่างกับสภาวะในใจเราตอนนี้ซักเท่าไหร่
แต่
ก็นั่นแหละ

เราก็ยังคงต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทุกวัน
แม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็ต้องลุำกขึ้นมาดำ้้เนินชีวิตกันต่อไป

จนกว่า ฟ้่า จะ สดใส

คิดถึงแดดมากมาย

ฟ้าที่เซี่ยงไฮ้จ้า หายไวไวนะ

2552/02/25

อีกแล้ว

อีกครั้ง

ที่ความพยายามอยู่ที่ไหน แต่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น

.
.
.
เหนื่อยจนต้องมั่วร้องไห้ไปกับสายฝน




ใครมันจะไปเข้มแข็งได้ทุกวัน

และสุดท้าย เรามันก็แค่คนธรรมดา
ที่อ่อนแอ


2552/02/22

อีกครังกัีบการบอกลา

การจากลา เป็นเรื่องเศร้าเสมอ ... ไม่ว่าเวลานั้น จะสั้น หรือ ยาว ก็ตาม

อาจจะอุ่นใจขึ้นมาอีกนิด ที่อย่างน้อย อีกไม่นานเราก็จะได้พบกันอีก

แต่ ระยะเวลาของการ รอคอย มันมักจะทำให้รู้สึกยาวนาน จนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดเสมอ

เพราะแต่ละชีวิต ต่างมีเส้นทางเดินของตัวเอง เมื่อถึงเวลาก็จำต้องแยกย้าย

คิดถึงเพื่อน แต่ เราก็รู้ว่า เรายังคงเฝ้ามองกันอยู่เสมอ แม้ในวันที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆกัน

จนกว่าจะถึงวันที่กลับมาำำพบกันใหม่

เทคแคร์ นะ น้ำฝน


---------------------------

การอยู่ีที่นี่ กับ อยู่ที่ไทย มันเหมือนเราใช้ชีวิตอีกมุมนึง

เวลาที่เราจากเซี่ยงไฮ้ นาฬิกาชีวิตที่นี่ก็จะหยุดลง

และ

เวลาที่้เรากลับเมืองไทย นาฬิกาชีวิตที่เ้มืองไทยก็จะเริ่มเดินอีกครั้ง

หลายปีที่ชีิวิต สลับหมุนเวียนเปลี่ยนนาฬิกาชีิวิตแบบนี้

เหลืออีกปี กับนาฬิกา ชีวิต ในเซี่ยงไฮ้

พอหันกลับไปมอง แปปเดียวจริงๆ

อายุ เปลี่ยนจาก เลข 1 เป็น เลข 2 ก็ที่นี่ เหลือ อีก ปีกว่าๆ แล้ว นึกมาแล้วก็ใจหายเนอะ

ฝนฟ้า มืดมัว ชวนให้ หัวใจมันเหงาๆ บอกไม่ถูก

...

แดดสีเทา คิดถึงฟ้าขาว ขาว มากมาย


2552/02/20

ตัดผม

ไปตัดผมมาละ

หน้าเด็กเชียว

ฮ่าๆๆๆ

ทรงผมกระชากวัยมาก

สั้นซะ ... นึกว่าอกหัก กันเลยทีเดียว เอิ้ก

อกหักน่ะเรื่องเล็ก แต่อกเล็กซิเรื่องใหญ่ !!!

ฮ่าๆๆ

แล้วทำไม ผมสั้นต้ิองอกหัก
ผมสั้น มีความรักไม่ได้เหรอ โหะๆ

ถึงผมจะสั้น แต่รักฉันยาว ว.....ววว

อ้าว ว ฮ่าๆๆๆ

เมื่อไหร่ จะนอนหัวค่ำ แล้วตื่นเช้าได้ว่ะเรา

หรือ ควรจะล้มเลิกความตั้งใจนี้เสีย

เหอเหอ

แต่ดูไปดูมาก็หน้าเหมือนโน้ตอุดม นะ

ฮ๋าๆๆ


เหมือนเนาะ เอิ้กกก

2552/02/19

ว่าง? เหงา? เศร้า? ซะงั้น

เทอม เปิดแล้ว

แต่

เรายังไม่ได้เปิดเทอม

เอิ้ก สามารถ เปิด และปิดเองได้ สำหรับการเรียนเนี้ย

อ่านหนังสือ ธรรมะ เขาบอกว่า ถ้าปล่อยให้ตัวเองว่างมากมาก แล้ว มันจะทำให้เรารู้สึกเหงา และ เหงามากไป มันก็จะทำให้เรารู้สึกเศร้า อาจจะจริงเนอะ

เราว่างไปรึเปล่าวะ แต่ก็แลดูว่าจะไม่ หรือ มันควรจะทำตัวให้ยุ่งมากกว่านี้ เหอ ชีวิตช่วงนี้มันดูกลวงๆๆ เทียมกับ เทอมที่แล้วนิ คนละอย่างเลย แต่ว่างๆ แบบนี้มันก็ทำให้นึกถึงงาน และความตั้งใจที่ค้างคามานานนาน คงต้องรื้อออกมาทำให้มันเสร็จซะที

ช่วงนี้อากาศเซี่ยงไฮ้ มัว มาก ฝนฟ้าตกโปรบปราบ อากาศก็หนาวซะเหลือหลาย ไม่น่าขยับตัวทำอะไรเล้ยๆจริงๆ

ขี้เกียจเนอะ

2552/02/16

จีนที่ไม่จีน

วันเปิดเรียนวันแรก คาบแรก ทำให้รู้สึกว่า ถ้าอยากจะเรียนอะไรเกี่ยวกับเมืองจีน ให้ไปเรียนที่อื่น เพราะที่นี่เขาไ่ม่สอนอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเอง สอนแต่เรื่องของฝรั่ง !!!

ธรรมดา แหละ ที่เมืองจีนตอนนี้กำลัง เห่อ ฝรั่ง ขนาดว่าอาจารย์คนจีน พูดภาษาอังกฤษ สอนหนังสืออังกฤษ เรียนเรื่องเกี่ยวกับสังคมฝรั่ง แม้แต่ คนจีนด้วยกันเอง จะถามอาจารย์ยังต้องพูดภาษาอังกฤษในห้อง เหย ตูก็ไม่ได้เลือกเรียนคลาสภาษานะ แต่ว่า เขาไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างเหรอ

เข้าใจว่าอยากจะพยายามทำมหาลัยให้เป็น อินเตอร์ แต่เราว่า แค่ใช้ภาษาอังกฤษสอน ทำพาวเวอร์พอยท์เป็นภาษาอังกฤษเนี้ย มันไม่ใช่ประเด็นมั้ง น่าจะพัฒนามารตฐาน และวิธีการสอนให้มันอินเตอร์คงจะดีกว่ามาก โดยเฉพาะ วิธีการสอบเนี้ย โบราณมาก ก ก ถ้าอยากจะเป็นมหาลัยแนวหน้าตัวจริงที่ไม่อิงแค่ชื่อเสียงของความเก่าแก่ของมหาลัยละก็ ฟูตั่น ยังต้องทำอะไรอีกเยอะเลย

เฮ้อ บ่นอีกแล้วเรา แต่จริงนะ มันอาจจะเป็นธรรมดาของเอเชียก็ได้มั้ง ที่พยายามไล่ตามฝรั่ง จนบางทีก็ลืมมองดูตัวเอง สิ่งที่เราจะเรียนรู้ได้จากคลาสนี้ คงจะเป็น การเฝ้ามองดู ระดับความ คลั่งฝรั่ง ของคนจีนละมั้ง แต่ก็ไม่แน่หรอก อาจจะมีอะไรดีดีซ่อนอยู่ก็ได้มั้ง หือหือ หวังว่านะ

.. วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งบอกว่า เราพูดภาษาอังกฤษ สำเนียง สิงคโปร์ โหะ ๆ ครั้งแรกที่เคยได้ยิน ตลกว่ะ ได้ข่าวว่าไปอยู๋มาแค่ 10 กว่าวัน นี่เราสามารถแปลงสำเนียงได้ด้วยเหรอ ฮาจริง มันหลอกด่ารึเปล่าวะ


ฝนตกอีกแล้ว
ไม่เหงา แต่หงุดหงิด
พยายามรู้เท่าทันอารมณ์อยู่

สงบ สติ

2552/02/13

This time is now ~ LOVE

This time is now
If you are ever going to love me
Love me now, while I can know
The sweet and tender feelings
Which from true affection flow.

Love me now
While I am living,
Do not wait until I'm gone
And then have it chiselled in marble
Sweet words on ice-cold stone.

If you have tender thoughts of me,
Please tell me now.
If you wait until I am sleeping,
Never to awaken,
There will be death between us
And I won't hear you then.

So, if you love me, even a little bit,
Let me know it while I am living
So I can treasure it.


ทำเสียเดี๋ยวนี้
ถ้าหากว่าเธอจะรักฉันแล้ว
ก็รักเสียเดี๋ยวนี้ ในขณะที่ฉันยังรับรู้ได้
ถึงความรู้สึกที่อ่อนหวาน ละมุนละไม
ที่มาจากรักแท้

รักฉัน
ในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่
อย่ารอจนฉันจากไปแล้ว
แล้วจึงค่อยจารึกคำหวานลงในแผ่นหินอ่อน
แผ่นหินที่เย็นดุจน้ำแข็ง

ถ้าหากว่าเห็นความดีของฉัน
ขอได้โปรดบอกฉันเสียเดี๋ยวนี้
อย่ารอจนกระทั่งฉันหลับ
อย่างไม่มีวันตื่น
กาลข้างหน้า ความตายจะขวางกั้นระหว่างเรา

แล้วฉันก็จะไม่ได้ยินคำพูดของเธอแล้ว
ถ้าหากว่ารักฉัน แม้สักนิด
บอกให้ฉันรู้ขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่
ให้ฉันได้รู้และแน่ใจในรักนั้น
-- แปลโดย คนเดิม



วันแห่งความรัก สำหรับคนมีรัก
.
.
.
อีกวาเลนไทน์ ที่ฉันไม่ได้รู้สึกเหงา
ขอบคุณวันดีดี ที่ทำให้ได้เห็นมนุษย์ฺโลกรักกัน



2552/02/12

back to Shanghai(Again !!)

กลับมาแล้ว

การเดินทาง เพิ่มเรื่องราวให้กับสมุดบันทึกมากมายหลายหน้ากระดา๋ษ

อีกครั้งที่ต้อง บันทึกลงในสมุดกับประโยคเดิมๆ ทุกครั้งที่เดินทางกลับ

" หากคุณรักการเดินทาง คุณก็ต้องเข้มแข็งกับการจากลา"

เจอมาบ่อยแค่ไหน แต่ทุกครั้งก็ไม่เคย เข้มแข็งได้เลย

มันคงเป็นธรรมดาของชีิวตมั้ง ทุกคนต่างมีนาฬิกาชีวิตของตัวเอง

เราอาจจะได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง ได้มองนาฬิกาตัวเดียวกันในช่วงนึงของชีวิต

แต่ ณ เวลา หนึ่ง ทุกคนต่างต้องกลับออกไปใช้นาฬิกา และดำเนินชีวิตของตัวเอง

มันเศร้าเนอะ เวลาที่ต้องจากคนที่รักมา แต่นั่นแหละ ความทรงจำดีดีต่อกัน มันจะช่วยเป็นพลังในการก้าวเดินต่อไป

การเดินทางครั้งนี้ คงต้อง บันทึกเพิ่มอีกประโยคว่า

"ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้มแข็งกับการจากลาได้ แต่การจากลา จะทำให้เราเข้มแข็งในการดำเนินชีิวิตต่อไปได้"

รู้สึกแปลก ๆ ที่ภายในวันเดียว ได้นั่งมองพระจันทร์สองดวง จากคนละมุมของโลก ต่างกันแค่เวลา จริงๆ มันก็เป็นดวงเดียวกันแหละ แต่ทำไมรู้สึกว่ามันต่างกันหนอ เอะ หรือว่ามันจะคนละดวง !! ใครมันจะไปรู้เนอะ ...

จนกว่าจะพบกันใหม่


ดรีม

2552/02/09

KL~Malaysia

wahaha~~~~

ชีวิตคือการเดินทางจริงๆ
หลังจากนอนอืดที่สิงคโปร์เป็นสิบวัน ก็ถึงเวลาที่ได้ย้ายตูดไปเดินเที่ยว กัวลาลัมเปอร์กันแล้ว

ตื่่นตั้งแต่เช้าตรู ไปสนามบิน เครื่องออกหกโมงครึ่ง โอย ไปถึงตั้งแต่ตีห้้าแล้ว เชคอินสบายแฮ....

เรากับพี่ก็ เดินชอปชิลล หลงไปในดง น้ำหอม แป้ง ครีม จนเกือบลืมเวลา มองนาฬิกาอ้าว หกโมงกว่าแล้ว รีบไปดีกว่า

ปรากฏ เดินไปผิดฝั่ง เวร !!!! วิ่งตับแรบครับพี่น้อง มาถึงครึ่งทา่ง โอ้ ประกาสเรียกชื่อ สองมิส ไสยรส แล้ว ว อ้าากกก กก

มาถึงเกท แบบเส้นยาแดงผ่าแปด กระโดดขึ้นเครืองแทบไม่ทัน

ฮ่าๆๆ เกือบไปแล้วมั้ยละ เอิ้ก กก

เคแอล เป็นเมืองที่ ไม่สามารถนิยามภาพรวมได้เลย เพราะว่า หลากหลายมาก ทั้งคน เชื้อชาติ ภาษา อย่างฮา ขึ้นแทกซี่ พี่แกไม่กดมิเตอร์ ต่อราคากันอย่างตุ้กตุ้ก ฮาดี

วันแรกเดินวนวนในเมือง มึนๆๆดี



From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


เชิ่ดได้อีก ฮ่าๆๆ

From MAlaysia-Kl


เข้าไปเดินดูมัสยิดจาเมด เขาต้องให้คลุมผม และคลุมตัวให้เรียบร้อยด้วย

From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl

ชอบรูปนี้ที่สุด


และนี่คือ อินดีเพนเดสสแคว์

From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


ท่านประธานเหมาในห้าง พาวิเลียน

From MAlaysia-Kl


From MAlaysia-Kl


บ้าย บาย เคแอล

2552/01/31

ล่องลอย

S G N . . .

ชีวิตที่แสนจะเรื่อยเปื่อยในสิงคโปร์


From singapore




From singapore




From singapore



From singapore



From singapore



From singapore



From singapore



From singapore