2552/05/08

จีน - ความหวัง - การเดินทาง

ชั่วโมงนี้คงไม่ใครปฏิเสธความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วของประเทศจีน โดยเฉพาะ ด้าน เศรฐกิจ ที่ดูเหมือนว่า จีน กำลังเป็นผู้กุมอำนาจทางการเงินในหลายๆ ประเทศ และเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวในการขับเคลื่อนของตลาดโลก
ผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่ เพื่อมาศึกษา ทำงาน ลงทุน ท่องเที่ยว และอีกอื่นๆ อีกมากมาย ถึงกับมีคนเปรียบเทียบว่า จีน เป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเลยทีเดียว
ในฐานะ คนนอกคนนึงที่อยู่ทีนี่ มาเกือบ 5 ปี ได้มีโอกาศเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายของที่นี่ ต้องบอกว่าในเวลาอันแสนสั้น เมืองจีนสามารถสร้างอะไรต่อมีอะไรได้อย่างมากมายจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ วัตถุ สิ่้งก่อสร้าง เศรฐกิจ การเมือง และสภาพสังคม คงไม่จำเป็นต้องบรรยายมากว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่วันนี้อยากจะเขียน คือ มุมมองอีกมุมนึงในด้านสังคมคนจีนที่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มคนอีกกลุ่มที่ดูเหมือนว่า เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ พวกเขาต้องยอมเสียสละอะไรหลายๆๆ อย่างในชีวิต

1. คนชนบทผู้จำต้องเสียสละ ให้กับคนเมืองผู้กอบโกย
เซี่ยงไฮ้ มหานครใหญ่ แห่งนี้ เป็นเหมือนแหล่งความฝัน ความหวัง ของแรงงานจากมนฑลใกล้เคียงให้เข้ามาแสวงหาความร่ำรวยที่นี่ ต้องบอกเลยว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา เดินตามท้องถนน เราจะได้เห็นภาพ คนที่ดูเหมือนเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด แบกกระสอบ แบกกระเป๋า บ่อยครั้งที่แอบยืนมองแล้วนึกสงสัยว่า พวกเขาจะเริ่มบรรไดของความหวังของพวกเขาจากตรงไหน ในเมืองที่มันเบียดเสียดขนาดนี้ จะมีที่ำพอให้พวกเขายัดตัวลงไปได้อีกหรือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันที่เราเห็นจากแววตาของพวกเขาเหล่านั้น คือ " ความตืื่่นเต้น และ ความหวัง ที่จะเริ่มเส้นทางชีวิตของพวกเขาในเมืองใหญ่" แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ทำได้เพียงเข้ามาเป็นแรงงานราคาถูก รับจ้างให้กับนายจ้างผู้กระหายเงินและหวังผลกำไร คนงานก่อสร้าง เข้ามาทำงานหนัก ค่าแรงต่ำ สวัสดิการถูก หรือ พนักงานในร้านอาหาร ยืนขาแข็งแลกกับรายได้อันน้อยนิด และอีกหลายอาชีพที่ แรงงานอพยพเหล่านี้จำเป็นต้่องทำเพือแลกกับค่าตอบแทนที่เรียกว่า "เงิน" แรงงานเหล่านี้ ต้องทิ้งบ้านทิ้งครอบครัวมา เพื่อหวังชีิวตที่ดีกว่า และความร่ำรวยในอนาคต

2. นักศึกษา ความหวังของประเทศ และความหวังของครอบครัว
การได้เข้ามาเรียนในรั้่วมหาลัยที่นี่ ทำให้เราได้มองเห็นอะไรหลายๆ เพราะมหาลัยที่เรียนอยู่ เรียกได้ว่าเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สดในเมืองเซี่ยงไฮ้ และอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศจีน เพราะฉะนั้น นักเรียนจีนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ต้องมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัด เรียกได้ว่าต้องเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด และตอ้งฝ่าฝันแข็งขันสูงกว่าเด็กในเมืองมาก เพราะฉะนั้นเด็กทีเรียนที่นี่ ต้องเรียกว่า คัดมาแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคนเก่ง มันจึงเป้นเรีื่องธรรมดาของนักเรียนในห้อง และแน่นอนการเป็นลูกคนเดียว มันบ่มเพาะ นิสัยอะไรหลายๆ ให้ความสำคัญกับผลการเรียน เน้นนะ ว่า เฉพาะ ผล ไม่นับ กระบวนการ มันทำให้พวกเขาต้อง กดดันตัวเอง สอบแข่งขัน นู้นนี่มากมาย หรือ ความมั่นใจในตัวเอง ที่บางครัง้แลดูออกจะเกินไปนัก หรือ ความรักตัวเองที่มากมาย เพราะเขาต้องแข่งขันมาตลอด จนมันแลดูจะเกินเลยจนแทบกลายเป้น ความเห้นแก่ตัว ของบางคน ลักษณะนิสัยการแข่งขัยเหล่านี้มันอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เด็ก และมันจะติดตัวออกไปในสังคมด้วย มันทำให้พวกเขาคาดหวัง และเพ้อฝัน จนบางครั้งอาจจะทำให้มันเกินจริงไปบ้าง พวกคนเหล่านี้คาดหวังว่าตัวเองจะออกไปทำงานดีดี มีเงินมากมาย ความขยันและความยากลำบากในการเีรียน จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคต ดังนั้น พวกเขาจึงยอมสละเวลาในการ เล่น การเที่ยว หรือ การที่จะได้มาทำกิจกรรมสนุกสนาน ไปกับการอ่านหนังสือ และการเรียน ชีวิตวัยรุ่นหลายๆ อย่างถูกมองข้าม เพราะมันเป้นเรื่องไร้สาระ และพวกเขาจะกลับมาทำมัน เมื่อมีรวยแล้ว

ถ้าเราหันกลับไปมองว่า อะไรมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเหล่านี้ ชาวชนบทดิ้นรนและยอมทิ้งบ้านและครอบครัวเข้ามาทำงาน หรือ นักศึกษายอมเสียสละหลายหลายอย่างในชีวิตวัยรุ่น เพื่อตั้งใจเรียน สิ่งหนึ่งทีเรามองว่ามันเป้นจุดเริี่่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง คือ " 价值观 " “ ค่านิยม” ของคนจีน

ความกตัญญู รักครอบครัว และ ความร่ำรวย


" 价值观 " “ ค่านิยม" คนจีน ให้ความสำคัญ และมี ค่านิยมที่ความร่ำรวย เพราะเขาเชื่อว่ามันจะนำมาสู่ความสะดวกสะบาย และความสุขในชีวิต เพราะฉะันั้น มันจึงเป็นคำตอบของการเข้ามาแสวงหาในเมืองใหญ่และ การยอมสละความสนุกสนาน เพื่อเรียนให้ได้เกรดดีดี ไปทำงานที่จะได้ผลตอบแทนสูงๆในอนาคต ซึ่งพอพวกเขารำรวยแล้ว ก็จะได้ไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง หรือ เพื่อที่อนาคตของลูกๆ

ค่านิยมเหล่านี้ดูคล้ายว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานของทุกสังคม แต่เป็นเพระาสังคมจีน ยึดถือในสิ่งเหล่านี้อย่างมาก มันจึงทำให้พวกเขา อดทน ดิ้นรน และ แสวงหา เพื่อตัวเอง จนบางครั้งกลายเป็น ความ รักแต่ตัวเอง และไม่คิดถึงคนรอบข้าง
ถ้าเป็นระดับครอบครัว ก็คือ ลูกฉัน ต้องดีที่สุด มีความสามารถมากกว่าลูกคนอื่น
ถ้าเป็นระดับห้องเรียน ก็คือ ฉันจะต้องเรียนดีที่สุด ต้องเก่งที่สุดในห้อง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ถ้าเป็นระดับการทำงาน ก้คือ ฉันจะต้องทำผลงานให้ได้เด่นกว่าใคร ไม่สนว่าจะเหยียบหัวรึเปล่า
ถ้าเป็นระดับสังคม ก็คือ ฉันจะต้องเป้นคนที่ร่ำรวยในสังคม ไม่สนว่าเงินที่ได้จะเป็นการเอาเปรียบลูกจ้างหรือไม่
ถ้าเป็นระดับประเทศ ก็ คือ ต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ในด้านเศรฐกิจ ไม่สนว่าจะทำลายสภาพแวดล้ิอมหรือไม่

เขียนมาเหมือนว่า จะตำหนิติเตียนหรือเกิน จริงๆ แล้วมันมีปัจจัยอีกหลายอย่างมาก ไว้วันหลังจะเรียบรียงระบบความคิดใหม่ และถ้ามีโอกาส จะลองเขียน ข้อดีดูบ้าง แต่ที่เขียนวันนี้ เพียงเพื่ออยากเตือนสติว่า ในการพัฒนาตัวเิองของประเทศจีนนี้ ยังมีปัญหาอีกมากมายซ้อนอยู่ ดุให้ลึก และเอาอย่างในบางเรื่องเท่านั้น



ผานิตดา

ไม่มีความคิดเห็น: