2552/07/17

Raining day !!!





วันนี้ฝนที่บิรสทอลตกลงมายังกะฟ้ารั่ว ระหว่างเดินไปโรงเรียน โอ้ โห พระเจ้าช่วย แทบกรี้ดดด เปียกไปครึ่งแทบ รองเท้าก็ชุ่มไปด้วยน้ำ แทบอยากจะเดินหันหลังกลับบ้าน แต่ก็นะ บ้านก็ไกลเหลือเกิน ก็เดินต่อกันไปละกัน

ระหว่างทางเดินกลับบ้าน คิดอะไรได้หลายอย่าง
จังหวะชีวิตที่นี่กับที่เซี่ยงไฮ้มันต่างกันเหลือเกินเนอะ ถ้าจะให้เปรียบเทียบ กับดนตรี เซี่ยงไฮ้ ก็เหมือน จังหวะ ดนตรีหมอลำอีสาน คึกคัก เร้าใจ เร่งเร้า เอาม้วนส์ ไว้ก่อน ส่วนจังหวะดนตรีที่ บริสทอล ออกแนว คลาสสิค เนิบน่าบ ทีละน้อย ค่อยๆ ขยับ เน้นความสวยงาม และใจเย็น กลายเป็นว่า ตอนนี้จังหวะชีวิต ก็กำลังเต้นอยู่
ในโซนประมาณนี้นี่ละ

มานั่งนึกๆดู ผู้คนฝั่งเอเชีย กับ ฝั่งยุโรปนี่ชักแตกต่าง จังหวะชีวิตคนเอเชีย ในเมืองใหญ่ ชัก รีบร้อน วุ่ยวาย ผู้คนเดินกับรวดเร็ว มีเรื่องต้องทำ มีเวลาที่ต้องเร่งรีบ จนไม่มีเวลามาเอื้อเฟื้อ เผื่อน้ำใจให้กัน เอาง่ายๆ การเดินข้ามถนนของคนที่นี่ ยังไงซะรถก็ต้องหยุด เคยยืนรอกะจะข้ามถนน เราก็ไม่กะว่าเด้วรอโล่งๆค่อยวิ่ง แต่รถที่วิ่งมาอย่างเร็ว เขากลับแตะเบรค หยุดให้เราเดิืน่ข้ามไปซะงั้น โอ้ ถ้าเป็นเมืองไทย ใจดีก็ชลอให้หน่อย เป็นอันรุ้กันว่า มรึงรีบๆ ววิ่งข้ามไปนะ แต่นี่แบบ มาถึงก็แตะเบรค เอียดดดดด เชิญข้ามซะงั้น โอ้ ใจดีจังแหะ นี่ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยงไฮ้ กว่าจะข้ามได้เนี้ย เรียกว่าเอาชีวิตเสี่ยงอยู่บนเส้นได้ วัดใจก้ันไป มรึงหรือกรูจะแน่
กว่ากัน

คิดดูแล้ว มันก็น่าจะมีเหตุผลอะไรหลายๆอย่างเนอะ เมืองนี้อาจจะเป็นเมืองเล็ก (ที่มีทุกอย่าง) ทุกที่เลยไม่ได้ใช้เวลานานที่จะไป ผู้คนก็มีเวลาเนิบนาบ มีเวลารอคอย คนก็มีกะตังค์ (บริสทอลถือว่าเป็นเมืองมีกะตังค์เขาอยู่กันเมืองนึงเลยนะ) เขาเลยไม่ต้องดิ้นรนเร่งรีบกับเวลา หรือ ก
ระเสือกกระสนหาเงินทองเท่าไหร่นัก ห้าโมงเย็น ร้านค้าปิด หกโมงเย็นห่างปิด ผับบางที่ปิด ห้าทุ่ม โอ้ เรียกได้ว่า เลิกเรียนมาก็ไม่ต้องได้ไปไหนกันเลยคับ เขาคงรีบกลับบ้านไปหาครอบครัวอะไรทำนองนี้ละมั้ง ถ้าเป็นเซี่ย
งไฮ้ นุ้น สี่ทุม บางที่ ยี่สิบสี่ ชั่วโมง ก็เพราะว่าต้องการขาย หาเงินให้ได้มากที่สุด ความแตกต่างตรงนี้มันก็สะท้อนอะไรหลายๆอย่างในเรื่องของ คุณค่า หรือ ทัศนคติของค
น ออกมาในหลายๆด้าน เนอะ ประเทศเอเชียก็กำลังเป็นประเทศกำลังพัฒนา เพระาฉะนั้นมันมีเหตุผลมากมายที่คนจะต้องออกมาแข่งขัน กลายเป็นว่า ทุกอย่างกลับกัน จากที่เคยมองว่า คนเอเชีย หรือ คนไทย อาจจะไนซ์มากกว่า กลับกลายเป็นว่า คนที่นี่ ไนซ์ มากกว่าเสียอีก อยากให้คนเมืองบ้านเรา ไนซ์อย่างที่เคยเป็นจัง จะต้องใช้้เวลาอีกซํกเท่าไหร่หนอ....

วันนี้ฝนตกหนัก เปียกปอนทั้วตัวและหัวใจ อู้ยย ย กิ้วววว


คิดถึงวันฟ้าใสที่บริสทอลแบบนี้









พรุ่งนี้ไปสโตนเฮนจ์ละ เด้วมาเล่าให้ฟัง

ไม่มีความคิดเห็น: