2551/12/03

อาร์ตัวแม่

ต่อจากเมื่อวาน

อารมณืยังอยู่ในช่วงมรสุมอย่างนัก คุ้มดีคุ้มร้าย วันนี้ สามารถร่าเริงสุดขีด และเศร้าสุดๆ ได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

สับสนในอารมณ์ตัวเอง
รู้แต่ว่า วันนี้กินเยอะมากกกกกกกกกกก คือ สามารถกินได้เรื่อยๆๆ แม้ว่าท้องจะอิ่ม แต่ก้ยังสามารถยัดลงไปได้อยู่

เดินเล่นมาตามถนน สับสน เศร้า และ รู้สึก โดดเดี่ยวพิลึก

หดหู่ รู้สึกแย่กับตัวเองจังเลย

ถ้าเราเอาหัวใจไปผูกติดกับตีนของคนอื่น เมื่อเขาก้าวขาจากไป เราก็ต้องเจ็บใจเสมอ นี่แหละ

ถ้าเรา ป้องกันหัวใจตัวเอง เราจะกลายเป็นคนเย็นช้ามั้ยหนอ

แคร์คนอื่นมากไป บางทีมันก็ทำให้หัวใจเราเป็นแผลโดยที่ไม่รู็ตัวเนอะ

กลับมา อยู่คนเดียวดีกว่า พักนี้ ต้องการ อยู่คนเดียว ชีวิตวุ่นวายกับอะไรมากมายเหลือเกิน บางทีการอยู่ท่านมกลางคนมากมาย มันก็ทำให้เรามองหาตัวเองไม่เจอเหมือนกันนะ

ชีวิตนี้เราแสวงหาสิ่งใดหนอ ...................

ถ้าโลกนี้มันขลาดแคลนคนจริงใจ
อยู่คนเดียวไป มันก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง



2551/12/02

อาร์ทตัวแม่

7: 55 ลืมตาขึ้นมา อย่าง งง งวย เฮ้ย ตายห่า สอบแปดโมง

เรียกได้ว่า พุ่งออกจากเตียงแทบไม่ทัน บึ่งรถไปสอบ สายไป เกือบ ยี่สิบนาที นั่งเขียนยิก ยิก ยิก ชนิดว่านันสตอปกันทีเดียว ที่ตื่นสายอย่างนี้ก็เพราะว่า อ่านหนังสือ ดึกดื่น ทั้งๆ ที่ควรจะนอนแต่หัวค่ำ นิสัยเผาเอาก่อนวันสอบนี้ ไม่เคยแก้หาย ครับ

หลังจากสอบ เดิน เฮฮา ไปกับ กลอเลีย ซัด บรัช กันชนิดว่า อิ่มกันท้องกลมเลยที่เดียว นั่งเมาเบียร์ แล้วอยู่ดีดี ความรู้สึกหดหู่ มันก็มาจากไหนไม่รุ้ หงุด หงิด หดหู่ โมโห เบื่อ เซ็ง ผสมปนเป

กลอเรีย เลย พาไป เล่นเกมส์ เพื่อว่า จะดีขึ้น แมร่ง เล่นกันโคตรมัน ดีขึ้นจริงๆๆแหะ ขอบคุณมาก

หลังจากนั้น ก็ บ้าบอ ไปซื้อจิกซอ มาต่อกันที่ หน้ากวางหัวโหล ดื่มไวน์ไปด้วย ต่อจิกซอไปด้วย นั่งไปนั่งมาชักหนาว เมาไวร์ก็เมา เลยพากันไปกิน เซาเข่า อย่างอเร็ดอร่อย ต่อด้วยเบียร์ แล้วก็ ปั่นจักรยานรอบแคมปัส หนาวก็หนาว

แล้ว ไปโยนโบว์ต่อ อีก


สรุปว่า วันนี้เป็นวันที่ยาวนานมากกก ตั้่งแต่ แปดโมงเช้า ยัน ตี สอง เพื่ิงจะหาทางกลับบ้านเจอละเนี้ย

อาร์มณ์วันนี้มันแปรปรวนดีซะจรืง

ง่วงละ


บายย

2551/10/23

ฝึกงาน

จากการลงคอร์ส shanghai and globalization
ทำให้ได้เรียนกับเพื่อนๆจากแคนนาดา และเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ จีน และเซี่ยงไฮ่เพิ่มมากขึ้น
และเทอมนี้ก็ได้ไปฝึกงานกับ องค์กร NGO Root and Shoot ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์สังคมอันดีงาม

หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือ ต้องไปสอนพละที่โรงเรียน หมินหาง ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน จนจน ที่รับสอนเด็กๆจากต่างถิ่นที่ติดตามผู้ปกครองที่เป็นชนชั้นแรงงานเข้ามาหากินในเมืองหลวง โดยที่เด็กพวกนี้จะไม่ได้รับสวัสดิการทางสังคมจากทางรัฐเพราะถือว่าเป็นเด็กต่างท้องที่ ถึงแม้ว่ากฏหมาบใหม่ที่ออกมาล่าสุดไม่กี่เดือนนี้ ทางรัฐได้เข้ามาช่วยเหลือบางส่วนในเรื่องของค่าเล่าเรียนแล้ว แต่เด็กๆยังขาดโอกาศในสังคมหลายๆด้านอยู่
ทางองคกร จึง มอบหมายหน้าที่ให้พวกเรามาสอนและสร้างสรรค์กิจกรรมให้กับเด็กๆๆ

สอนมา สอง สาม อาทิตย์ ก็ได้เรียนรู้ว่าการเป็นครูเนี้ยมันไม่ง่านเลยซักนิด ยิ่งต้องมาจัดการเด็ก อายุ สิบขวบ เกือบห้าสิบคนให้อยู่ในระเบียบวินัย มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และยิ่งต้องใช้ภาษาจีนด้วยแล้ว ยิ่งถือว่าเป็ฯความท้าทายสุดฤทธฺิ์ เพราะ พาทเนอร์เราก็เป็นแคนนาดา ที่พูดภาษาจีนไม่ได้เลย ภาระใหญ่หลวงจึงมาตกอยู่ที่เรา

การเป็นครู ต้องดูแลเด็กๆ มากมา้ย ปัญหาเล้กน้อยเช่น เด็กทะเลาะกัน บางคนไม่ชอบเล่นกับเพื่อน บางคนมีปัญหาส่วนตัว จิปาถะ ที่เราก็ไม่รู้ว่า สมัยเป็นเด็กๆ ครูพวกนี้เขาใช้วิธีอะไรในการควบคุมหนอ

เล่นๆเกมส์อยู่ เด็กบางคนก็ถึงงกับเดินมาบอกว่า "ไม่สนุก" "ไม่อยากเล่นแล้ว "" พูดอะไร เสียเวลา่ทัง้คาบแล้ว "

คำพูดเล่านี้แม้จะทำให้เราหมดกำลังใจ แต่มันก็สะท้อนความจริงอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกาน และนั่นคือสิ่งที่เราต้องนำไปปรับปรุง

เวลาที่เราแก้ปัญหาให้เด็กๆ เข้ามามีส่วนร่วมได้สำเร็จ มันเป็นความรู้สึกที่ภูิมิใจสุดๆเลยนะ มันฝึกให้เรา ช่างสังเกต และเรียนรู้ว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเรียนรู้ธรรมชาติของเด็กเพื่อที่จะได้นำไปปรับ และช่วยเหลือเขาได้้อย่างถูกวิธีที่สุด

มีครั้งนึง ตอนที่ให้เด็กๆ เล่นเกมส์ห้อง แล้ว มี เด็กคนนึง ร้องไห้ งอนที่เพื่อนๆไม่ตามใจ เราก็ต้องเข้าไปไกล่เกลี่ย เพราะธรรมชาติเขาลืมง่ายอยู่แล้ว จนเด็กคนนั้นยอมกลับมาร่วมเล่นกับเพื่อน

เท่านี้เราก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาในใจบอกไม่ถูก มันเป็นความภูิมิใจเล็กๆที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน การเป็นครูนิ มันก็เป็นอีกบทบาทที่หน้าสนใจเนอะ

ถึงแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าเขาไม่สนุก ไปกับสิ่งที่เราพาเล่น อาจจะมาจากการเตรียมตัวไม่ดีของเราเอง ดังนั้น ต้องพัฒนาให้มากกว่านี้แล้ว

ยังเหลือเวลาอีกนิดหนอ่ย หวังว่าเราจะทำมันได้ดีขึ้นนะ

สู้สู้

ดรีม

2551/08/04

Chiangmai ,Thailand

ที่นี่เชียงใหม่ เจ้า
สองสัปดาห์ กับการฝึกงานที่เชียงใหม่ การดำรงชีวิตในเมืองเหนือของเรา เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เฮฮา เหงาหงอย และ เหน็ดเหนื่อย ย
เชียงราย อ. แม่สรวย ต. วาวี
เชียงใหม่ อ. แม่แจ่ม
ลำปาง ลำพูน แพร่ เดินทางกันอย่างสนุกสนาน และอิ่มท้อง ประสบการณ์ ตรึม ม ม มม
ทั้งธรรมชาติ และ วัดวา ขอบอกว่างานนี้ สุดยอดมากมาย ย ย

รูปถ่ายเยอะแยะ ไว้จะมาอัพ ให้ดู


ปีนี้เป็นปีแห่งการเดินทางจริงๆๆ นะเนี้ย

2551/06/26

จัดการกับความเคีรยด

เครียด เครียด ....ๆ.........ๆ....................

เครียด ยิ่งบ่นก็ยิ่งเครียด ยิ่งพูดบ่อยๆๆว่า เครียด มันก็ยิ่ง ตกย้ำ กระหน้ำเข้าไปใหญ่

ไม่เครียด ไม่เครียด ๆๆ..ๆ.... ชิวๆๆๆๆๆๆๆๆ

พูดว่า ชิว ชิว แล้ว มัน สะบายใจดีนะ ลองดู ชิวๆๆๆ เหอเหอ

เข้าใจน่ะ ว่า คน ที่เข้าอยู่ในคนที่รู้สึก กดดัน หาทางออกไม่ได้ เครียด จน ทำร้ายตัวเอง น่ะ มันรู้สึกยังไง คือ เรา อย่าเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่นถ้าหากว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น จริงๆๆ นะ แต่ มันก็มีข้อดีนะ คือ ถ้าเรา ผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาได้ เราก็มีภูมิคุ้มกัน และ หาวิธีบำบัดตัวเองได้
พอผ่าน ณ จุด จุด นั้นมาแล้ว เราก็ จะรุุ้เองว่า เมื่อกี้ " กูโง่จัง ติดหลงอยู่กับอารมณ์ "

แต่มันก็ธรรมดา แหละ เราก็เป็นคนธรรมดานี่เนอะ แต่ รู้สึุกตัวเองโชคดี ที่มีคนที่เรารักมาช่วยชีวิต ได้ทันเวลาเสมอ นี่แหละน่า เขาว่า มันมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่
ขอบคุณ ความรัก ความหว่งใย ของพ่อกับแม่ ที่มาทันเวลาเสมอ
ร่ำร่ำ จะโดดตึก อยู่ หลายทีแล้วเนี้ย ดีนะ บ้านอยู่ชั้น สอง โดดไป คง ไม่ตายอะ แต่ อาจจะปากแต่มาเป็นบทเรียน ฮ่าๆๆๆๆ เวลาที่หายจากอาการ จิตตก เนี้ย สมองมัน จะ มองทะลุปัญหาได้โอยธรรมชาติจริงๆๆๆเนอะ เรื่องที่เคยใหญ่ มันเล็กลงไปทันทีเลย

ขอบคุณ ความรัก ความห่วงใย ที่ ทำให้ เราเข้มแข็ง
โชคดีจัง ที่เกิดมาเป็นลูกเขา

ยิ้มๆๆ ได้ เหอเหอ

อ่านหนังสือต่อดีฟ่า ไร้สาระมาทั้งวัน แล้ว ขยันอีก 4 วัน เอง เรียนมาทั้งเทอม นอนอืด 1 เทอมขยัน 4 วัน มันก็คงไม่ตายมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ

2551/06/22

หาย


คืนนี้ฟังเพลงเพราะจัง






รัก/สาม/เศร้า

ซึ้งเนอะ - ถ้าเกิดกับตัวเองคงโศกหน้าดู



ง่วงนะ แต่ นอนไม่ได้
เหอเหอ อ่านหนังสืออีกหน่อยละกาน เหอเหอ

2551/06/21

ฝนตก

ฝนตกในเซี่ยงไฮ้ - ฝนตกทุกวันเลย

ช่วงนี้คือฤดูกาลแห่งการสอบ ตาโบ้เพราะไม่รู้จักตั้งใจเรียน เลยต้องมาอนาถกันก่อนสอบเนี้ย

เมื่อคืนฝันถึงคนคนนึง อาจจะเป็นเพราะคิดถึง หรือ จิตใต้สำนึกมั้ง แต่รู้สึกว่าฝันประหลาด ออกแนวโรคจิต แต่ตื่นขึ้นมาแล้วก้คิดถึงใครคนนั้นจ้ง

ดูหนงัเรื่อ ง sleepless in Seatle ก้ไม่ค่อยซึ้ง นะ สงสัยไม่ค่อยเชื่อมั้ง
เหอเหอ

ช่างเหอะ สอบว่ะ

เทอมเนี้ยจะรอดมั้ยตรู

2551/06/01

เพลงเพราะ



ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง

สดชื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น
เรื่องจริงกับความฝันเกิดขึ้นด้วยกันทันตา

ฉันอยากจะหยุดเวลานี้
ตั้งแต่วินาทีที่ชีวิตมีเธอเข้ามา
เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้า
กล้าจะเปิดหัวใจ

หยุดๆ ชีวิตอยู่กับคนนี้
แม้ว่าใครจะดีซักแค่ไหน
หยุดๆ ความรักทั้งหัวใจ
อยู่กับเธอคนเดียว

ฉันนั้นรู้ทันทีและรับทันที
เธอคือความโชคดีที่เข้ามา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น
ชีวิตมีความฝันที่เกิดขึ้นตอนลืมตา





สอบเด้อ งานหล้าย...ย..... ตาลาย ไปหมดแล้ว

2551/05/21

ใจลอย

Where ever you go , there you are .
ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน จงอยู่ที่นั้น
...
แลง่ายๆๆว่า ร่างกายอยู่ที่ไหน ก็เอาจิตใจไปด้วย ควบคุมไม่ให้ฟุ้งซ่าน
กำลังทำอยู่ ..... ใจลอยๆๆ ไปบ่อยๆๆๆ ฮ่าๆๆ
รู้สึกว่าเรียนชิวมาก
สงสัยจะสอบไม่ชิว
เปิดไดอารี่อ่าน ปรากฎว่า แรดทุกอาทิตย์เลยตรู
ฮ่าๆๆ เป้นภาคการศึกษาที่ เมา จริงๆๆตรู
- - -
ร่างกายสะบายมาก
หัวใจนิ ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ
ปล. นีดดดดดดดดเตกิล่า ซักชอตมากวันนี้

2551/05/02

ระยะห่าง - ความงาม


距 离 就 是 “ 美 ”

ระยะทาง คือ “ ความงาม ”


ในภาษาจีน อัักษรจีนแต่ละตัว จะมีความหมายสมบูรณ์แบบอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามบุพบทบ้างในบางครั้ง บางประโยค แต่ในหนึ่ง ตัวอักษรก็บรรจุไปด้วยความหมายแอบแฝงอันลึกซึ้ง และหากอยากจะสัมผัสถึงความงามที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษรนั้นแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องใช้จินตนาการ ผสมผสานกันปรัชญา ผนวกรวมกัน แล้วความซาบซึ้งนั้นมันก็จะประจักษ์แก่ใจของผู้อ่านเอง

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ข้อความข้างตน

ถ้าให้แปลตามตัว มันคงได้อารมณ์ดิบๆ แต่ ถ้าลองให้จินตนาการ ประโยคข้างบนมันเข้าได้กับทุกอารมณ์ที่เราสามารถจะจินตนาการไปถึงได้ แต่ถ้าจะใช้ภาษาไทยแปลให้เ้้ข้าใจถึงความหมายแล้ว คงต้องหมายถึง


ระยะทางก่อให้เกิด “ ความงาม ”


ลองจินตนาการ ถึง


ความหวัง :ความมุ่งมั่นในจุดหมายบางอย่าง ถ้าเรามัวแต่หมกมุ่นกับมันจนเกิดไป แรงกำลังของเราอาจจะไม่เพียงพอที่จะถีบตัวขึ้นไปถึงได้ หรือ บางที จุดหมายที่เราคิดว่าใช่ แต่ด้วยระยะห่างที่ใหล้เกินไป อาจจะทำให้เรามองคลาดเคลื่อนผิดไปจากความต้องการที่แท้จรงิของเราก็เป็้นได้
แต่ถ้าหากว่า เรา เว้นระยะห่างไว้ จุดจุดนั้น อาจจะชัดเจนยิ่งขึ้น และบางที เราก็อาจจะมองเห็นจุดจุดอื่น ที่เหมาะสมกับเราก็เป็นได้ ระยะห่างที่เราเว้นไว้ จะเป็นพลังที่ดันเราให้กระโดดได้สูงขึ้น และเราจะมองเห็นความงามของการต่อสู้กับตัวเอง

ความพ่ายแพ้ผิดหวัง:ถ้าเรากระโดดลงไปในบ่อแห่งความเจ็บปวดนั้น เราก็จะไม่มีทางมองเห็นเลยว่า มันเกิดอะไรขึ้น และเราตกลงมาอยู่ในความทุกข์นี้้ได้อย่างไร ความพ่ายแพ้หลังจากความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไม่เคยไร้ค่า เพราะนั้นคือสิ่งยืนยันว่า เราไม่ใช่คนข้ี้ขลาด และมันจะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เข้มแข็งขึ้น และการจะมองเห็นสิ่งนั่นได้ จำเป็นที่ต้อง ปีนขึ้นมาจากความทุกข์ ถอยห่างจากความเจ็บปวด และความงามของความพ่ายแพ้จะค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเอง


และ
แน่นอนที่สุดในอารมณ์ของเราเองตอนนี้


ระยะทางก่อให้เกิด “ ความงาม ”

ความรัก : + .................................... - ระยะห่างทำให้เรามองเห็นกันและกันได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งบางครั้งการจะมองเห็นหัวใจของอีกฝ่าย และหัวใจของเราเอง ก็จำเป็นที่จะต้องเว้นช่องว่างไว้ให้กันแล้วกัน



บางทีเราอาจจะมองเห็นเขาในจินตนาการของเราเอง เพราะเราเอาหัวใจของเราไปใก้ลเขาจนเกินไป แต่ในความเป็นจริงแแล้ว มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เป็นได้ ถอยห่างออกมานิด เราอาจจะมองเห็นหัวใจตัวเองมากยิ่งขึ้น และ อาจจะมองเห็นสิ่งที่เป็นเขาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นะดรีม....



------------------------------------------------------------

หยุด วันแรงงาน

เมา นอน ดูหนัง รีดผ้า ซักผ้า กินข้าว ซื้อของ

เหอ ... ชีวิตตรูมีแค่นี้จริงๆๆ




2551/04/21

ตื่นสาย ย ย ยย

เช้าวันฝนตก .......







ลืมตาขึ้นมา 9. 15 น. เอะ ..







ได้ข่าวว่า เรียน 8 .50 น. นะ







อ่อ... ตื่น สาย ย ย ย







ไหนไหน ก็ไม่ทันแล้ว นอนต่อดีกว่า ไปตอนคาบ 2 ละกาน







หลับไป ตื่นอีกที 12.00 เที่ยงซะงั้น







สรุป โดด เรียน แล้ว ยังมานั่งหน้าคอมอีก ... หน้าด้านจริงๆๆ







เห็นมั้ยว่า เรียนน่ะ สะบายกว่าทำงาน ถ้าทำงานป่านนี้คงโดนเจ้านายด่า



แต่เป็นนักเรียนรับจ้างทางไกล ไม่เป็นไร เจ้านายไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ







-------------------



วันอาทิตย์ ไปเที่ยว จู เจีย เจี่ยว แปลเป็นไทยว่า " ชุมชนคนเซ่จู" ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรไปรอบ 2 ไปเพราะ โรงเรียนจัดทรปบอกว่า จะไปไปเก็บสตอแบรี่ หลังจากไปจูเจียเจี่ยว เสร็จ .. พาไปดูบ้านสวน คนรวยตามสไตล์เที่ยวแบบคนจีน ไม่สวย เลย ที่ซูโจว สวยกว่ามาก เลยเดินออกมานั่งรอ ด้านหน้า คนไทยเยอะแยะ สนุกสนาน สลึมสลือ ฮ่าๆๆ







มีรูปตอนไหเก็บสตอมาอัพไว้ซะหน่อย ...



สตอแบรี่จริงๆๆ สวนนี้ เพราะแม่ค้าเจ้าของสวนก็สตอแบรี่อย่างมาก ปล่อยให้เก็บซะเยอะแล้วค่อยบอกราคา โห แพงกว่าตลาดอีก นี่ก้มาเก็บเอง ตอนแรกบอกกินในสวนได้ พอกิน บอกกินไม่ได้ ซะงั้น อุ้ย ... สตออย่างแรง ง ง



แต่ช่างเหอะ ประสบการณ์แรกในการเก็บสตอแบรี่จากต้น หุหุ.....







ได้ข่าวว่า คนเก็บก็สตอแบรี่ใช่ย่อย เอิ้กๆๆๆๆ









2551/04/19

"หรือแท้จริงแล้วความรักมีเหลืออยู่ในโลกนี้น้อยเต็มที"

ฉันรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันสั้นนัก...เราไม่มีวันได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า
เราจะสามารถรักใครได้มากมายถึงเพียงไหน เราจะมีความฝันยาวไกลเพียงใด
เรามักคิดว่าการผิดพลาดในชีวิตเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กำหนดไม่ได้
จริงหรือ... มันเป็นคำถามคาใจที่ฉันยังหาคำตอบไม่ได้

-- อรุณี ศรีสุข " เท่ารักเธอ"

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

จริงอยู่ที่ว่าชีวิตคนเรามันสั้นหนัก แต่ถ้าหากว่าต้องดำรงชีวตอยู่กับความเหงาแล้ว แม้แค่ 1 วินาทีก็ดูเหมือนว่าจะยาวนานเหลือเกิน วันข้างหน้าไม่มีใครรู้วาจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราต่างก้คาดหวังว่ามันคงจะดีกว่าเก่า หรืออย่างน้อยมันก็คงไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ ความฝันอันยาวไกล เป็นแรงผลักดันให้เราดำรงชีวตอยู่และต่อสู้ดิ้นรน บ่อยครั้งที่ฉันเองก็มักตั้งคำถามว่า" เราทำไปทำไมว่ะ ?" แต่ก้อย่างว่า เพราะมันคือ ชีวิตนี่แหละ คำว่า " ชีวิต" มันนิยามทุกอย่างในตัวมันเองอยู่แล้ว ความผิดพลาด คือ สิ่งธรรดาของคนเรา และความผิดพลาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตด้วย แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ แต่กำหนดไม่ได้ บ่อยครั้งที่เรายอมทำอะไรผิดพลาด เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่า ควรทำยังไงถึงจะเรียกว่าสิ่งที่ถูกต้อง แต่ในเรื่องของความรัก ความกล้าของเรามันน้อยนักที่จะลองทำอะไรที่มันผิดพลาด

เพราะ ความรักด้วยแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ใหญ่เลย .. อย่างที่เขียนไว้ " ความรักยังไม่เกิด แต่เราร้องไห้ไปแล้วครึ่งใจ " นั่นก็คือ พอเริ่มจะรัก ความเสี่ยงที่เราจะเจ็บก็เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ระยะนี้ถามใจตัวเองอยู่บ่อยๆว่า กล้าพอรึเปล่ากับความรักครั้งใหม่ แต่ก็ดุเหมือนว่า ความขลาดกลัวมันล็อคประตูแน่นเหลือเกิน ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่อยากเสี่ยงเลย .. เราไม่มีทางรู้เลยว่า วันข้างหน้าเราจะรักใครได้มากมายเพียงไหน นั่นจึงทำให้เรากลัวว่า วันข้างหน้าเราอาจจะต้องเจ็บอีกมากมายเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เลือกที่จะถอยห่างดีกว่า หยุดความรุ้สึกดีดีไว้แค่ตรงนั้น ที่ที่เรารุ้สึกว่า ระยะห่าง มันทำให้เรามองเห็นเขาได้ชัดเจนที่สุด มองเห็นในสิ่งที่เขาเป็นได้ตรงที่สุด เพราะหากว่าเราพาหัวใจเข้าไปใกล้มากกว่านี้แล้ว บางที ความรู้สึก ที่อาจจะเรียกว่า รัก มันจะทำให้ ตา เราบอดก็เป็นได้ ...

รักแท้จริงอาจจะมีเหลืออยู่ในโลกนี้ แต่หัวใจที่บรรจุรักแท้นั้น ฉันกล้าไม่พอที่จะเข้าไปรู้สึกถึงมันเลย

...

--------------------------------------

วันนี้ เซี่ยงไฮ้ฝนตก ... อากาศเย็นดี
เขียนเรื่องความรักอีกแล้ว อย่างว่า ฝน มันพา ความโรแมนติก ไหลลงมาด้วย

เมื่อคืนปาร์ตี้เลดี้ไนท์บ้านพี่ตวง เตกิล่า สุดยอดดด
คืนนี้ต้องรีบนอนหน่อย พรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับทริป รร

กูดไนท์ค่า


2551/04/16

ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ


ฉันอยากให้ความรักเป็นเพียงสายลม

พัดพาความสดชื่นมาให้แล้วก็จากไป
ไม่มีผู้ใดจดจำสายลมใดๆ ด้วยมองไม่เห็น

แต่ด้วยรู้สึกถึงมันได้ในบางมุมของสัญชาตญาณ
แห่งความเผอเรอไม่รู้ตัว --

ตุล ไวฑูรเกียรติ ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ

กวี ........ ประทับใจ

อาการแอบรัก : "ความหลงใหลใฝ่ฝัน / เกิดจากห้องรับแขก / ในใจฉัน / ขอต้อนรับเธอ / ผู้ไม่เคยเคาะประตู / ไม่เคยแม้แต่เปิดประตู"

อาการตกหลุมรัก : "รู้แต่ว่าทุกๆ ครั้งที่ข้ารักใคร / โทรศัพท์ข้าที่เคยเงียบ / ก็จะดูเงียบขึ้นอีกจนผิดสังเกต / ตู้ไปรษณีย์ที่บ้านข้า / ก็ดูว่างเปล่ามากขึ้นกว่าเดิม"

ความเหงาและใฝ่ฝันที่ทำให้หัวใจศิโรราบ ถึงเธอ... : "ผู้เป็นเจ้าของเงาทุกเงา / บนกระจกทุกบานที่แตกร้าว / ในห้วงคำนึงของกวีขี้เมา / เช่นฉัน..."

ความหวาดหวั่นและอ่อนแอยามตกหลุมรัก : ความรักเดินทางมาพร้อมกับอารมณ์ต่างๆ
ที่เข้มข้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความเสี่ยงที่คลอกับความหวัง

"ความรักยังไม่เกิด /
แต่เราร้องไห้ไปแล้วครึ่งใจ"

อาการเมื่อเป็นคนที่ถูกเลิกรัก และเคยเป็นคนที่เลิกรักคนอื่น : "ในอดีตฉันมองข้ามไป /
ฉันมองข้ามความเป็นจริงที่ว่าความรักคือ / ความต้องการ / และการตอบสนองต่อความรักคือ / การตอบสนองต่อความต้องการ / และความต้องการก็คือสายน้ำไร้ทิศทาง / วนเวียนไปมาในทะเลของการคะนึงหาอาวรณ์"

อาการจากพรากน่าอาลัย :

และในทุกๆ ความงามที่หัวใจฉันเคยสัมผัส
ตลอดชีวิตจนอดีตจนถึงจุดจบ
จะต้องมีความงามของเธอเด่นอยู่ในมุมใดสักมุม
ในพิพิธภัณฑ์แห่งความปีติของฉัน
ฉันเชื่อ สักวันฉันจะต้องพบความงามอื่นๆ
ที่จะทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนั้นเต็มขึ้น สมบูรณ์ขึ้น
แต่การรับรู้ถึงความงามใหม่ๆ
นั้น คงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
หากขาดซึ่งบทเรียนและประสบการณ์
ที่เกิดจากความงามของเธอ

"บทกวีฉันไพเราะขึ้นยามมีทุกข์" ~

เวลาที่หัวใจเรามีความรัก
กวีและบทเพลงรัก ก็ดูจะไพเราะจับใจขึ้นมาทันใด และกวีความเศร้า
ก็ดูจะเข้าถึงหัวใจคนมีทุกข์ได้ดีเหลือเกินช่วงนี้รู้สึกฟังเพลงรักได้เพราะขึ้นเยอะ
แต่ เวลาเดียวกัน มันก็เศร้าพิกล ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือนเซี่ยงไฮ้
แต่อาทิตย์นี้ฝนฟ้าแลจะตกลงมาไม่ลืมหูลืมตาอาทิตย์ที่แล้ว
ชีวิตยุ่งวุ่นวายเหลือเกิน แต่ก็มันส์ดี เหนื่อย แต่
มีความสุขย่างเข้าอาทิตย์นี้ ชีวิต เริ่มเงียบลง แต่ข้างในใจกลับ
วุ่นวานเหลือเกิน ...คงกำลังปรับสภาพอยู่ พยายาม ทำใจกว้างๆ
แล้ว ความสุขจะค่อยๆไหลเข้ามาเอง

รักตัวเองให้มากกกก


2551/04/03

อารมณ์หนอ

เขาว่า ความรู้สึกของคน ก็เหมือน สายน่ำ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
...

วันนี้ เมื่อ ชัวโมงที่แล้ว ประสาทแดก
หงุด หงิด บ้อบอ .. สงสัย ใกล้วันแดงเดือด

เราไม่สามารถควบคุมอะไรในโลกนี้ได้เลย แม้แต่ตัวเอง เบื้อความสัมพันธ์จอมปลอม ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใส่หน้ากาก ในการคบกัน มันเบื่อที่จะต้องใส่ด้วย เพราะถ้าเราไม่ใส่ก้รู้สึกว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนมันต้องพูดกกันผ่านหน้ากากออกไป พอเราไม่ใส่ ก็เหมือนตัวประหลาด ก็ไม่เข้าใจว่าการเป็นตัวของตัวเองนี้ มันหนักหัวกะบาลคนมากหรือไงไม่ทราบ ถึงชอบได้ตัดสินคนอื่น ในสิ่งที่เขาได้พบเห็น ... เราไม่ชอบที่ถูกคนอื่นตัดสินเลย แต่ก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ เบื่อ แต่ ก็เเคร์ .... แต่ก้มานึกว่า เราจะแคร์เขาทำไม บางทีการที่เขาจะเลือกมองเราในมุมมองของเขา แบบไหน มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และควนปล่อยให้มันเป็นไป เพราะว่า มันที่เขาเลือกที่จะตัดสินเราแบนั้น ก็หมายความว่า มันสื่อถึงนิสัยและมุมมองลึกลึกของเขาอยุ่แล้ว แล้วเราจะคบกับคนประเภทนี้ไปทำไมกันเล่า การที่เขาไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นอยู่ นั่นก็หมายความว่า โลกของเราอาจไม่ได้มีวงโคจรที่ใกล้กันได้แล้วละมั้ง

เอาเถอะ แล้วจะพยายามแคร์ สายตา ใครบางคนให้น้อยลง

ยอมรับ และรักในสิ่งที่เราเป็นดีกว่า
เพราะว่า เขาคงไม่มาแคร์อะไรเราหรอก

.. แคร์คนที่เขาไม่แคร์ นิ ก็ทำใจลำบากจัง

2551/04/02

ฉันเมือ่ย ยยย

รำมวยมาวันนี้
เมื่อยมาก
ไปอาบน้ำดีหว่า

ปล. จีนมันยอมให้เข้าแล้วเหรอวะ
เนทแม่รงโคตรเหี้ยยยย

2551/03/23

เซี่ยงไฮ้ ซะงั้น

หลังจากกลับไปพักร้อน แบบปุปปับ ณ เมืองไทย 1 อาทิตย์ เต็ม
คำเดียว
ร้อน อีกหลี บ้าเฮา

วัน ทำบุญบ้าน คนเยอะ แยะ เต็มบ้านเรา
วันต่อมา มี คน 4 คนอยู่ในบ้าน
เดินไปเดินมา ยังแอบเหงา
นี่เรากลับไป พ่อ แม่ จะไม่เหงา แย่เหรอ
ขนาดว่า ไอ้ จิ้บมา นอนเล่นด้วยตั้งหลายคืน ยังแอบเหงา บางวูปเลย
..........ปีนี้ ชีวิต คือ การเดินทางจริงๆๆ

กลับมาถึงเซี่ยงไำฮ้
ไข้ แหรก.............. ทันที
ก็ จาก 30 องศา มา เจอ 8 องศาเข้า ส่วนห่างมันเลยมากระหน้ำที่ร่างกายฉันไม่หยั่งเลย ย
นอนตาย ในบ้าน อยู่ 2 วันเต็ม เมื่อวานทำแรดไป กินข้าวบ้านเพื่อน นอนดึกอีก ปวดหัวเลย ..
ช่วงนี้ฟังเพลงคาราบาว เมามันส์ ไม่รู้จะทำอะไร ปวดหัวตุบตับ ไปนอนดีกว่ามั้งเนี่้ย

ว่าแต่ ทำไม ไดเรา มัน หายไปไหน งง งง อะไรวะ หลอนจิรงๆๆ

2551/02/19

Winter ~ My life in Shanghai ~

จากอากาศร้อน อันอบอบอุ่นในเมืองไทย สู่
อากาศเย็นอันหนาวเหน็บที่เซี่ยงไฮ้
ร้อน ปะทะ เย็น
ไม่ตาย แต่ ไม่ร่าเริง . . .
ไม่อยากอยู่ไทย แต่
ก็ไม่อยากอยู๋ที่นี่
ตกลงว่า ไม่มีที่อยู่
ชีวิตเปล่า เปล่า มีจุดหมาย
แต่ ไม่มีแรงใจ
ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ชินแล้ว
เมืองไทย เปลี่ยนไป รู้สึก
ว่า คนไทย เหน็ดเหนื่อยกับอะไรหลายๆ อย่าง รู้สึกว่า หลายคนที่ได้พบเจอ
เขาไม่มีความสุข โตขึ้นมาแล้ว ต้องคิดอะไรหลายๆๆ ทั้งๆ ที่
ไม่อยากจะคิดแต่ก้เลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องเป็นไป
3 วัน อากาศหน้าว หนาว ว
คาดว่า จะหนาวไปเรือยๆๆ หิมะ ตกหนักไปแล้ว แต่ ยังเหลือ ซากอยู่
ซากในที่นี้ต้องใช้คำว่า ซากเน่า เน่า ของหิมะ เพราะว่า ขยะปนกับนำแข็ง
กลายเป็นขยะแช่แข็ง ไม่ส่งกลิ่น แต่ ทำลายทัศนียภาพ ตามถนนก็จะเป็น ก้อนหิมะ
ขาว ขาว ดำ ดำ ปะปราย แลดูสกปรกดี เหอเหอ
ชีวิต เปล่า เปล่า พยายามปลง
ปลง กับ คนรอบข้าง
คิดถึง แม่ กับ พ่อ จังแหะ เขียนไรวะ ออกแนว ฟุ้งซ่าน
เหหอเหอ

2551/01/19

กลับบ้าน

19 มกราคม
จากฤดูหนาวอันโหดร้าย
ในเซี่ยงไฮ้
สู่
ฤดูร้อนอันอบอุ่นในเมืองไทย
ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
อาหารมื้อแรก ขนมจีนนน้ำยา
สมใจ
สารพัดเรื่องราว ว ว เดินทาง ไปมา และไปมา
จนถึงวันนี้ 29 มกราคม
เหนือยมากกับการเดินทาง ง ง ง

2551/01/16

Gd morning .....

Gd morning ..... DREam HAHA 13.16 in the
afternoon..
วันนี้วันที่ 17 มกราคมแล้วหรือ ชีวิต
ไม่รุ้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย
2 อาทิตย์กับการสอบ ที่หลอนหลอน
จิตตก สามารถพาชีวิตรอดมาได้ถึงวันนี้ ก็ถือว่าบุญเหลือเกินแล้ว ว ว
กับการเรียนในเทอมนี้ รู้สึกว่า ตัวเองได้รู้ได้เรียนอะไรหล่ยอย่าง
วิชาคณะสังคมวิทยา ทำให้รู้สึก ตัวข้านี้หนา ยังเป็นแค่ผงละอองฝุ่นอยู่เลย
โปรเฟซเซอร์ทั้งหลาย นับถือว่ะ
..
ถึ่งแม้ว้าอาจจะเรียนไม่ค่อยเก่ง
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกว่าไม่ว่างเปล่า ความพยายาม
บางทีอาจจะไม่ได้ถูกตอบแทนด้วยความสำเร็จ แต่ อย่างน้อย เราก็ไม่ได้ย้ำอยู่กับที่
หรือ ถอยหลังลงไป .. วันนี้มีกำลังใจเหอเหอ
ชีวตเกิดอะไรขึ้นหลายอย่างแหะ
มานึกแล้วก็ขำ วันที่ออกมาจากห้องสอบ
มานั่งร้องไห้ สงสัยตอนนั้นคงจะเป็นเอามากแหะ ..
สงสารตัวเองจังเลย
แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องดีดี
วันก่อน my Big brother มาหา
ดีจาย ดีจาย ไอมิสยู มากมาย ย
มาเพิ่มกำลังใจและความสดใสในชีวิตให้อย่างแรง คิดถึง คิดถึง ..
ทำให้รู้สึกเข้มแข็งขึ้นเยอะเลย ย
ไว้มีโอกาศคงได้เจอกันอีกที
เกาหลีนะคะ..

Go mab seum ni da .. OPPA

2551/01/11

สอบ สอบ หลอนหลอน

อาทิตย์แห่งการสอบ
เทอมนี้แลอาการไม่ค่อยดีเลย
ทั้งทั้งที่คิดว่าเทอมนี้ ตั้งใจเรียน และเรียนรู้เรื่องมากที่สุดแล้วนะ
แต่ก้อย่างว่า เราคงยังพยายามไม่พอ
ผลลัพท์ที่ออกมาก็เลย
เนอย่างที่เห็นอะนะ ทำใจว่ะ
รุ้สึกว่า ปาฏิหารญ์ ไม่มีจริงเล้ย ใน ฟูตั่น
กรรมเวรมีจริง ถ้าไม่ตั้งใจก็อย่าหวังลมลมแล้งแล้ง

2551/01/05

อิ่มปริ้นนน

หลังจากสอบเสร็จ
ออกไปกินข้าวเที่ยงกะเจ้ตวง เจ้แกอยากกินหมูย่างเกาหลี
ก็ไปลุยกัน 2 คน สั่งมายังกะไป 4 นั่งกินไป 3 ชม อิ่มปิร้น น น น
ไปต่อด้วยไอติมอีก เจอน้ำฝนกลางทาง เม้าท์แตก
ทุ่มนึง
หิวกันอีกรอบ ไปหา อาหารจีนกินกัน
ซัดไปอีก ถึง 4
ทุ่ม
แทบทะลัก
อร่อยเหลือเกินวันนี้
รู้สึกอ้วนขึ้นมา 5 โล

2551/01/04

ทำเต็มที่แล้ว

เคยได้ยินมาว่า ถ้าทำเต็มที่แล้ว เราก็จะไม่เสียใจ หรือ
ว่าไม่ต้องเสียใจอะไรซักอย่าง

วันนี้

รู้ซึ่งถึงความหมายแล้ว
สอบคณิตศาสตร์
อีกวิชาที่เป็นคู่ปรับมาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่กระบวนการศึกษา
จนถึงวันนี้ก็ยังคงไม่หลุดพ้น
ก่อนสอบ กังวล กลัว
ขณะสอบ
พยายาม ทำในสิ่งที่ทำได้มากที่สุด ไอ้ที่จำจำมา ก็เขียนไปหมดแล้ว
หลังสอบ
ทั้งทัง้ที่รู้ว่า ทำไปแค่นั้นก็คงจะไม่รอดแน่ แต่ว่าในใจมันกลับรู้สึกว่า
ก็เต็มที่แล้ว เราเตรียมตัวมา เท่าที่ทำได้ก็คือที่สุดแล้ว
ที่เหลือก้คงต้องแล้วแต่มันจะเป็นไป ถ้าต้องซ่อมก้คงต้องเป็นไป
เพราะที่ทำไปก็ที่สุดแล้ว

ภาษาจีนเรียกว่า จิ่นลี้ แปลว่า
พยายามสุดกำลังความสามาถ
วันนี้ ด้วย ความสามารถที่มีอยู่น้อยนิด ก็ เต็มที่แล้ว
ถ้า ไม่มีความสามารถไปพยายามเลยซิ ถึงจะรู้สึกว่างเปล่า
เอาเถอะ ถ้าไม่ผ่าน
ก็ กลับมาพยายามต่อไป

เป็นหวัดแหละ
ไม่อยากป่วยเลย ย ย
ตั้งใจว่า ปีนี้ จะให้เป็นปีแห่งการศึกษา และ
สุขภาพดีดี
อย่างทำตัวเป็นคนดีบ้าง ง
เหอ คนดี เขาต้องทำกันยังไงเหรอ
แอบเนิซซ ซ ซ ดีมั้ย

2551/01/02

วันที่ฉันป่วย

อากาศหนาว เข้า 0 องศา
ร่างกาย ตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่อย่างโรยแรง
วันที่ฉันปว่ย ย ย อีกวัน
ป่วยกันข้ามปี
.. จะเจ็บไข้อย่างไร ก็ ยังต้องฝืนเข้มแข็งดูแลตัวเองกันต่อไป
นี่แหละหนา
ผลกรรมของการอยู่คนเดียว
มานึกดุว่า ถ้าหากต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอดอีก 20
ปี
ฉันคงป่วยเพราะเหงาตายซะก่อนแน่นอน
..........
เกลี่ยดฤดูหนาวจับใจ

2551/01/01

เช้าวันใหม่ กับปีใหม่

2008/01/01
ตื่นมาพบปีใหม่ ในสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมเหลือเกิน
ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีดีก็ไม่สะบาย ดคาดเดา
เอาเองว่าอาจจะเป็นเพราะฮีตเตอรที่เปิดทั้งวันกระทั้ง อากาศมันเลยแห่งๆๆ จนเกินไป
ไม่สะบายซะงั้น
หัวใจเป็นสุขดี แฮปปี้ แฮปปี้ รับปีใหม่
ขอบคุณความห่วงใยมีที่ให้แก่กัน คะ

HAPPY NEW YEAR

2008/01/01
HAPPY NEW YEAR
2008
ปีใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนมาอีกครั้ง
ฤดูกาลผลัดเปลี่ยนพ้นผ่าน
ชีวิตที่ดำเนินผ่านฟ้าฝนลมหนาว
1 ปีที่ผ่านไป หัวใจ ผสมปนเปไปด้วยเรืองราวมากมาย
สุข เศ้รา เหงา ปน น้ำตา
การเดินทางไปในพื้นแปลกใหม่
พบและรู้จักผู้คนมากมาย
ทั้งที่มาเพื่อพบผ่าน
และที่ พบผ่านมา เพื่อนที่จะเป็นมิตรแท้ตลอดปัย
ขอบคุณ โชคชะตา และ ขอบคุณพลังในตัวเอง
ที่เข้มแข็ง และพยุงพาชีวิตก้าวข้ามอีกปีของการดำเนินชีวิตในโลกใบนี้
ขอให้อวยพรตัวเองและขอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง
และมีกายที่สบาย ใจที่สบาย
ในปีใหม่นี้
และ
ขออวยพรให้มิตรรักทุกท่าน มีความสุขกาย สบายใจ เช่นกันคะ
ดีใจที่ได้รู้จักกัน
สวัสดีปีใหม่

หายไปนานกับการเขียนไดอารี่ออนไลน์ ปีนี้อยากกลับมาเขียนอะไรใส่ไว้ในโลกจำลอง จำลอง ใบนี้อีกครั้ง อย่างน้อยๆ ก็เป้นที่ส่งข่าวแลกเปลี่ยนความเป็น อยู่ สุข เศ้า เหงา ฮา ของชีวิต กับมิตรรักที่ห่วงใยและคิดถึงกัน

คืนวันที่ 31 ของปีนี้ อยุ่บ้านคนเดียวคะ ไม่มีงานฉลอง ไม่มีงานปาร์ตี้ ไม่มีแสงไฟ ไม่มีผู้คน อยากอยุ่คนเดียวคะ อยากก้าวผ่านปีใหม่ปีนี้อย่างสงบสงบ และรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนอยู่จิรงๆ บ่อยครัง้ที่เราอยู่ท่ามกลางคนมากมาย และเหมือนว่าทำตัวเองหล่นหายไป เราแสดงเป็นอีกคนนึงโดยที่ไม่รู้ตัว และนานนานเข้า เราก็เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า สิ่งที่เราเป็นอยู่นี่ คือ ตัวตนของเราจริงๆหรือ ... ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด การอยู่ในสังคมก้เป้นเช่นนี้แหละคะ เราต่างถูกความคาดหวัง และสายตาของคนรอบข้างบีบบิด ให้เราเป็นเราในอีกรูปทรงนึง บางครั้ง เราจึงจำเป้นต้องขอเวลาสงบสงบ เพื่อ ผ่อนคลายบ้าง..เป็นธรรมดา คะ
คืนนี้ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสะบายกายคะ แต่ใจสะบายดีคะ
แค่รู้ว่ามีคนที่คอยห่วงใยและคิดถึงกันอยู่ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลแสนไกล หัวใจก็อบอุ่นดีคะ
ขอบคุณมิตรภาพทางไกล
ของขวัญที่พิเศสที่สุดในปีใหม่นี้ คือการมีเธออยู่ข้างๆกัน ในคืนที่รู้สึกว่าต้องการใครซักคน ... ขอบคูณคะ