2552/05/13

เหนื่อย

ปั่นงานให้เพื่อน

เหนื่อย

เสียงแหบ เลยทำให้ต้องใช้พลังเป้นสองเท่าในการพูด

ลมแทบจับ

...

แหบได้อีกเสียง

2552/05/11

หัวใจจะวาย ย ย

อากาศร้อน ทำเอาหัวใจแทบละลาย ยย ย ย ......
อู้ว ว

ติดสุราหนัก ควรให้ตับได้พักบ้าง
ระบบหัวใจ ทำงานผิดปกติ เต้นถื่ จนเหมือนมันจะวายคาอก
ร่างกายอ่อนเพลียจากอากาศร้อน และความเหนื่อยล้าที่สะสม
สมองสั่งการค้าง สามารถคิดและติดอยู่กับางเรื่องวนไปมาซ้ำซาก
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำการบ้าน เพราะสมองทำงานช้า
พูดไม่ได้ เพราะเส้นเสียงอักเสพในระดับเสียงกระเทยถาวร
เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย . . . ใกล้แล้วกรู
ถ้ายังไม่หยุดเสียวันนี้ อนาคตของชีืวิตเริ่มจะลิบหรี่แล้ว

วันแรกของเทอมที่ได้ทำหน้าที่สมกับเป็นนักเรียน
นรกของการเผางาน คลืบคลานมาอย่างเงียบๆ

อ้าก งานมา แต่ร่างกายกับสมอง กำลังทำงานช้าลง
อา าก ก ทำมั้ยรู้สึกว่าอายุ 70 ปี

คำเตือน การดื่มสุรา ทำใ้่ห้ความสามารถทุกอย่างในร่างกายลดลง

2552/05/08

จีน - ความหวัง - การเดินทาง

ชั่วโมงนี้คงไม่ใครปฏิเสธความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วของประเทศจีน โดยเฉพาะ ด้าน เศรฐกิจ ที่ดูเหมือนว่า จีน กำลังเป็นผู้กุมอำนาจทางการเงินในหลายๆ ประเทศ และเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวในการขับเคลื่อนของตลาดโลก
ผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่ เพื่อมาศึกษา ทำงาน ลงทุน ท่องเที่ยว และอีกอื่นๆ อีกมากมาย ถึงกับมีคนเปรียบเทียบว่า จีน เป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเลยทีเดียว
ในฐานะ คนนอกคนนึงที่อยู่ทีนี่ มาเกือบ 5 ปี ได้มีโอกาศเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายของที่นี่ ต้องบอกว่าในเวลาอันแสนสั้น เมืองจีนสามารถสร้างอะไรต่อมีอะไรได้อย่างมากมายจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ วัตถุ สิ่้งก่อสร้าง เศรฐกิจ การเมือง และสภาพสังคม คงไม่จำเป็นต้องบรรยายมากว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่วันนี้อยากจะเขียน คือ มุมมองอีกมุมนึงในด้านสังคมคนจีนที่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มคนอีกกลุ่มที่ดูเหมือนว่า เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ พวกเขาต้องยอมเสียสละอะไรหลายๆๆ อย่างในชีวิต

1. คนชนบทผู้จำต้องเสียสละ ให้กับคนเมืองผู้กอบโกย
เซี่ยงไฮ้ มหานครใหญ่ แห่งนี้ เป็นเหมือนแหล่งความฝัน ความหวัง ของแรงงานจากมนฑลใกล้เคียงให้เข้ามาแสวงหาความร่ำรวยที่นี่ ต้องบอกเลยว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา เดินตามท้องถนน เราจะได้เห็นภาพ คนที่ดูเหมือนเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด แบกกระสอบ แบกกระเป๋า บ่อยครั้งที่แอบยืนมองแล้วนึกสงสัยว่า พวกเขาจะเริ่มบรรไดของความหวังของพวกเขาจากตรงไหน ในเมืองที่มันเบียดเสียดขนาดนี้ จะมีที่ำพอให้พวกเขายัดตัวลงไปได้อีกหรือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันที่เราเห็นจากแววตาของพวกเขาเหล่านั้น คือ " ความตืื่่นเต้น และ ความหวัง ที่จะเริ่มเส้นทางชีวิตของพวกเขาในเมืองใหญ่" แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ทำได้เพียงเข้ามาเป็นแรงงานราคาถูก รับจ้างให้กับนายจ้างผู้กระหายเงินและหวังผลกำไร คนงานก่อสร้าง เข้ามาทำงานหนัก ค่าแรงต่ำ สวัสดิการถูก หรือ พนักงานในร้านอาหาร ยืนขาแข็งแลกกับรายได้อันน้อยนิด และอีกหลายอาชีพที่ แรงงานอพยพเหล่านี้จำเป็นต้่องทำเพือแลกกับค่าตอบแทนที่เรียกว่า "เงิน" แรงงานเหล่านี้ ต้องทิ้งบ้านทิ้งครอบครัวมา เพื่อหวังชีิวตที่ดีกว่า และความร่ำรวยในอนาคต

2. นักศึกษา ความหวังของประเทศ และความหวังของครอบครัว
การได้เข้ามาเรียนในรั้่วมหาลัยที่นี่ ทำให้เราได้มองเห็นอะไรหลายๆ เพราะมหาลัยที่เรียนอยู่ เรียกได้ว่าเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สดในเมืองเซี่ยงไฮ้ และอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศจีน เพราะฉะนั้น นักเรียนจีนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ต้องมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัด เรียกได้ว่าต้องเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด และตอ้งฝ่าฝันแข็งขันสูงกว่าเด็กในเมืองมาก เพราะฉะนั้นเด็กทีเรียนที่นี่ ต้องเรียกว่า คัดมาแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคนเก่ง มันจึงเป้นเรีื่องธรรมดาของนักเรียนในห้อง และแน่นอนการเป็นลูกคนเดียว มันบ่มเพาะ นิสัยอะไรหลายๆ ให้ความสำคัญกับผลการเรียน เน้นนะ ว่า เฉพาะ ผล ไม่นับ กระบวนการ มันทำให้พวกเขาต้อง กดดันตัวเอง สอบแข่งขัน นู้นนี่มากมาย หรือ ความมั่นใจในตัวเอง ที่บางครัง้แลดูออกจะเกินไปนัก หรือ ความรักตัวเองที่มากมาย เพราะเขาต้องแข่งขันมาตลอด จนมันแลดูจะเกินเลยจนแทบกลายเป้น ความเห้นแก่ตัว ของบางคน ลักษณะนิสัยการแข่งขัยเหล่านี้มันอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เด็ก และมันจะติดตัวออกไปในสังคมด้วย มันทำให้พวกเขาคาดหวัง และเพ้อฝัน จนบางครั้งอาจจะทำให้มันเกินจริงไปบ้าง พวกคนเหล่านี้คาดหวังว่าตัวเองจะออกไปทำงานดีดี มีเงินมากมาย ความขยันและความยากลำบากในการเีรียน จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคต ดังนั้น พวกเขาจึงยอมสละเวลาในการ เล่น การเที่ยว หรือ การที่จะได้มาทำกิจกรรมสนุกสนาน ไปกับการอ่านหนังสือ และการเรียน ชีวิตวัยรุ่นหลายๆ อย่างถูกมองข้าม เพราะมันเป้นเรื่องไร้สาระ และพวกเขาจะกลับมาทำมัน เมื่อมีรวยแล้ว

ถ้าเราหันกลับไปมองว่า อะไรมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเหล่านี้ ชาวชนบทดิ้นรนและยอมทิ้งบ้านและครอบครัวเข้ามาทำงาน หรือ นักศึกษายอมเสียสละหลายหลายอย่างในชีวิตวัยรุ่น เพื่อตั้งใจเรียน สิ่งหนึ่งทีเรามองว่ามันเป้นจุดเริี่่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง คือ " 价值观 " “ ค่านิยม” ของคนจีน

ความกตัญญู รักครอบครัว และ ความร่ำรวย


" 价值观 " “ ค่านิยม" คนจีน ให้ความสำคัญ และมี ค่านิยมที่ความร่ำรวย เพราะเขาเชื่อว่ามันจะนำมาสู่ความสะดวกสะบาย และความสุขในชีวิต เพราะฉะันั้น มันจึงเป็นคำตอบของการเข้ามาแสวงหาในเมืองใหญ่และ การยอมสละความสนุกสนาน เพื่อเรียนให้ได้เกรดดีดี ไปทำงานที่จะได้ผลตอบแทนสูงๆในอนาคต ซึ่งพอพวกเขารำรวยแล้ว ก็จะได้ไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง หรือ เพื่อที่อนาคตของลูกๆ

ค่านิยมเหล่านี้ดูคล้ายว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานของทุกสังคม แต่เป็นเพระาสังคมจีน ยึดถือในสิ่งเหล่านี้อย่างมาก มันจึงทำให้พวกเขา อดทน ดิ้นรน และ แสวงหา เพื่อตัวเอง จนบางครั้งกลายเป็น ความ รักแต่ตัวเอง และไม่คิดถึงคนรอบข้าง
ถ้าเป็นระดับครอบครัว ก็คือ ลูกฉัน ต้องดีที่สุด มีความสามารถมากกว่าลูกคนอื่น
ถ้าเป็นระดับห้องเรียน ก็คือ ฉันจะต้องเรียนดีที่สุด ต้องเก่งที่สุดในห้อง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ถ้าเป็นระดับการทำงาน ก้คือ ฉันจะต้องทำผลงานให้ได้เด่นกว่าใคร ไม่สนว่าจะเหยียบหัวรึเปล่า
ถ้าเป็นระดับสังคม ก็คือ ฉันจะต้องเป้นคนที่ร่ำรวยในสังคม ไม่สนว่าเงินที่ได้จะเป็นการเอาเปรียบลูกจ้างหรือไม่
ถ้าเป็นระดับประเทศ ก็ คือ ต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ในด้านเศรฐกิจ ไม่สนว่าจะทำลายสภาพแวดล้ิอมหรือไม่

เขียนมาเหมือนว่า จะตำหนิติเตียนหรือเกิน จริงๆ แล้วมันมีปัจจัยอีกหลายอย่างมาก ไว้วันหลังจะเรียบรียงระบบความคิดใหม่ และถ้ามีโอกาส จะลองเขียน ข้อดีดูบ้าง แต่ที่เขียนวันนี้ เพียงเพื่ออยากเตือนสติว่า ในการพัฒนาตัวเิองของประเทศจีนนี้ ยังมีปัญหาอีกมากมายซ้อนอยู่ ดุให้ลึก และเอาอย่างในบางเรื่องเท่านั้น



ผานิตดา

2552/05/07

เมา

รักอิสระ ชอบความสนุำกสนาน แต่ก็ต้องมีวินัยกับตัวเอง





ฮา

ทำการบ้านได้ด้วย โอ้ มึน จัง แง่ว ว

2552/05/06

รักแท้ัยังไง

เนื้อเพลง รักแท้..ยังไง - น้ำชา ชีรณัฐ

คำร้อง สีห์ ธาราสด
ทำนอง ณัฐวัฒน์ คณโฑแก้ว
เรียบเรียง อภิไชย เย็นพูนสุข, ประทีป สิริอิสสระนันท์

รักเอย รักเอ ก็เคยดูผู้คนรักกัน
ได้แต่มอง คนเหล่านั้น ยิ่งเห็นแล้วฉันไม่เข้าใจ
ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน อะไรมันดีไม่ดี
ที่เคยมองเห็น ก็แบบนี้ รักแล้วสุขยังงั้น
รักแล้วเจ็บยังงี้ แล้วยังไง

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน

เมื่อเธอ สนใจ จะชวนเราให้ลองรักกัน
ฉันแค่ขอ ให้ตอบฉัน ว่ารักแท้นั้นคืออะไร
ถ้ามีเหตุผลที่ชัดเจน ทำไมเราควรรักกัน
ถ้าฟังดูแล้ว มันสร้างสรรค์
ฉันก็อยากจะรู้ ฉันก็อยากจะรัก ดูสักที

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน

รักแท้ รักที่อะไร ตับไตไส้พุง
หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์
รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน



2552/05/04

พลังแห่งมวลชน กับกาลเวลาที่หายไป

五四运动
การเคลื่นไหวทางการเมืองครั้งสำคัญในประเทศจีนของนักศึกษาและประชาชน

4 พ.ค. วันนี้ หน้ากวางหัวโหลในมหาลัย ฟูตั้น มีการจัดโชว์รูปวาดเพื่อเป็นการละลึกถึงวันสำคัญ เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลครั้งสำคัญของนักศึกษาและประชาชน ด้วยเหตุผลของความรักชาติ และร่วมมือกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศจากน้ำมือนักการเมือง รัฐบาลที่อ่อนแอ และต่างชาติที่รุกราน เหตุการณ์ในตอนนั้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นแกนนำลุกขึ้นต่อสู้ เรียกร้องและกระตุ้นเตือนคนในประเทศให้ตื่นตัว และรับรู้ความจริงของประเทศ
หลายสิบปีผ่านไป สถานการณ์หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป รัฐบาล การเมือง สภาพสังคม ไม่เอื้อให้ประวัติศสาตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว นักศึกษาไม่ใช่ผู้นำทางความคิด หรือผู้ที่จะปลุกใ้ห้ประชาชนได้ตื่นรู้ความจริงของสังคมอีกแล้ว ตอนนี้นักศึกษา กลุ่มคนที่ได้รับการศึกษามากที่สุด แต่กลับแลดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่โง่ และตาบอดที่สุดในปัจจุบัน นักศึกษากลายเป็นเพียงกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่รักความสนุกสนาน คิดถึงแต่อนาคตตัวเอง และเตรียมตัวเพียงเพื่อจะกลายไปเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวในสังคม ไม่รู้ว่าเราเองจะตัดสินวัยรุ่นจีนดูแย่เกินไปหรือเปล่า แต่ในสภาพสังคมที่เรามองดู ลักษณะการศึกษาจีนไม่ได้เอื้อ หรือ จุดประกายให้นักเรียนได้กล้าคิดต่าง หรือ พูดง่ายๆว่า กล้าหือ ! กับรัฐบาล หรือ นโยบายของรัฐ มันอาจจะมีปัจจัยหลายๆด้านที่ทำให้ นักศึกษา ผู้มีการศึกษา เปลี่ยนบทบาทไปจากสังคมจีน แต่เหตุผลสำคัญก็คงเป็นเรื่องของรัฐ เรื่องของการเมือง และอำนาจของพรรคคอมมิวนิส ที่แอบแฝงอยู่ในชั้นเรียน แม้แต่ตัวนักศึกษาเอง หลายคนก็เลือกที่จะสมัครเป็นสมาชิกของพรรคตั้งแต่ยังคงเป็นสภาพนักศึกษา เพียงเพื่อเหตุผลว่า มันเป็นบันไดที่ทำให้ตัวเองได้หางานได้ง่ายขึ้น ได้รับอภิสิทธ์ทางสังคมเหนือกว่าคนอื่น การแข่งขันทางสังคม ผลักดันให้คนเห็นแก่ตัวตตั่งแต่ในรั่วมหาลัย ไม่รู้ว่า ความฝัน สังคมแห่งความ " 和谐" " Harmony " มันจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่ ในเมื่อรากของสังคมลึกลึก มันก็ปลูกฝั่งความไม่เท่าเทียมอยู่แล้ว

กลับมามองสังคมไทย รั่วมหาลัยไทย มีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน เราเคยมีประวัติศาสตร์ที่มีนักศึกษาเป็นผู้นำในการลุกขึ้นเรียกร้อง และปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นรับรู้และต่้อสู้เพื่อประเทศชาติ เรื่องราวยังคงเป็นที่กล่าวขาน .. แต่...แค่ในแผ่นฟิลม์ฺ และหน้าหนังสือเท่านั้นนะ คนในเหตุการณ์นั้น ก้กลับมากลายเป็นนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวและกอบโกยผลประโยชน์ ช่างน่าเสียดายอุดมการณ์ที่พวกเขาเหล่านั้นเคยมีเมื่อสมันยังเยาว์วัย ไม่รู้ว่าความดีของพวกเขาถูกกาลเวลาชะล้า หรือ ว่าพวกเขาเป็นเพียงคนชั่วที่แอบอ้างเป็นคนดีเท่านั้น

ที่เขียนมาทั้งหมดเพียงสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า " ปัญญาชน" ไม่ว่าจะในสังคมไหน ดูเหมือนว่าบทบาทของนักศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป ทำไม หลายสิบปีก่อนคำว่า " อุดมการณ์" มันถึงมีพลังอัดแน่นอยู่ในตัวของนักศึกษา จนสามารถทำหน้าที่เป้นแรงขับดันให้พวกเขากล้าออกมาแสดงความ รักชาติ และชักนำให้ประชาชนได้ออกมาปกป้องผลประโยชน์องประเทศได้ แล้ว
ทำไมตอนนี้ พลังเหล่านั้นมันได้หายไปจากพวกเขาเหล่านั้น?
มันก็คงมีปัจจัยหลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราสงสัย หรือมันเป็นเพราะมี "พลังมืดบางอย่างในความรุ้ที่เราเรียนกันเข้าไป"?
คนมากมายบ่นว่ายิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้ เป็นเพราะในห้องเรียน ในตำรา มันแอบแฝงพลังมืดอะไรเข้าไปข้างในโดยที่เราไม่รุ้ตัวรึเปล่า?
เราเรียนเพียงเพื่อที่จะไม่รู้ เรา้เรียนเพียงเพื่อเอาความรู้มาสร้างกำแพงให้เราโง่เขลามากขึ้นรึเปล่า?
เรามีความรู้มากแต่เราคิดไม่เป็น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรทีเราจะเอาปริญญามาติดฝาบ้าน?
แล้วสังคมเราก้ได้บัณฑิตใหม่ออกมาเป็นประชาชนที่ด้อยคุณภาพ ประเทศเราเลยเจริญลงทุกวันทุกวัน ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มองภาพรวมแล้วมันเหมือน เป็น วงกลม เป็นวงจรอุบาศ์ ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยลของกลุ่มคนที่มีอำนาจและหวังจะครอบครองอำนาจนั้นไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันแลดูแย่จัง หรือถ้ามันไม่ใช่การวางแผนอย่างแยบยลของกลุ่มคน มันก็อาจจะเป็นความโง่เขลาของคน และความโลภของในตัวมนุษย์ แบบนี้ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ แล้วเราจะแก้ยังไง ?

มีคนมากมายคิดว่า ถ้าไอ้นักการเมืองเลวๆ ตายไปหมดก็คงดี อืม .. ชั่วโมงนี้ความคิดแบบนี้มันก็ไม่เลวนะ เร็วดี ตรงจุดดี แต่ มันไม่ได้แก้ปัญหาที่ราก เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มันจะเข้ามา มันจะไม่เลวเหมือนกัน ..
ถ้าความเลวมันเป็นเหมือนไวรัสที่แอบแฝงอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนละ ...ถ้ามันอยู่ในตัวเราตั้งแต่เกิด มันอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ฆ่าไม่ตาย เพราะความตายไม่ได้ทำให้คนหายเลว
ความโลภ ความอยากได้ มันก็มาพร้อมกับอำนาจนั่นละ มันเป็นธรรมดาของคน เราทำอะไรไม่ได้ ถ้าจริยธรรมมันไม่ได้เจริญงอกงามในตัวของคนคนนั้นจนสามารถป้องกันความเลวได้ มันก็อย่างที่เขาว่านั่นละ คนเก่งแต่ไม่ดี สังคมก้ฉิบหาย คนเก่งมันสร้างไม่ยากหรอก แต่คนดีนี่ซิ สร้างยังไง ?

สรุปสังคมไทย หรือ จีนก็ยังคงต้องการการชี้นำ แต่พลังอันบริสุทธิ์ของ ปัญญาชน ตอนนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว กาลเวลาและอำนาจมืดบางอย่าง ล่อหลอมให้คนกลุ่มที่เป็นความหวังเปลี่ยนไป ไวรัสในตัวแลมันจะออกฤทธิ์เร็วขึ้นเรื่อยๆ

ก็ได้แต่หวังว่า จะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

...
บ่นบ้าตามประสาคนเพิ่งตื่น

2552/05/03

ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เวลาที่เราฉีดวัคซีนป้องกันโรค ก็คืือการฉีดเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมันได้รู้จักและปรับสภาพตามธรรมชาติ ถ้าร่างกายอ่อนแอกว่าโรค เราก็อาจจะป่วย แต่ในที่สุดเราก็จะมีภูมิคุ้มกัน และเราก็แข็งแรงและมีภูมิค้มกันต่อโรคต่างๆในอนาคต

ชีวิตก็คงเหมือนกัน

เวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆๆ แม้ว่ามันอาจจะทำให้เราอ่อนแอในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ประสบการณ์นั้นจะทำให้เราเข้มแข็งในอนาคต เมื่อต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ และมันจะทำให้เรารู้จักวิธีการดูแลรักษาสภาพจิตใจให้ดีขึ้นได้ไม่ยาก

คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเจอเรื่องไม่ดีหรอก รวมทั้งตัีวเราเองด้วย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่า อย่างน้อยมันก็จะสอนให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอไม่เจอซะดีกว่า แต่มันแย่ตรงที่ว่า เมื่อเราไม่เคยมีประสบการณ์แย่ๆ เวลาที่มีเรื่องร้ายๆ เข้ามา มันก็ทำให้เราอ่อนแอและเจ็บปวดมากมาย และทำใจยอมรับได้อย่างยากลำบากกว่าคนปกติที่เขาเคยผ่านมาแล้ว เรียกง่ายๆว่า ไม่มีภูมิคุ้มกันเอาเสียเลย แย่จัง อ่านหนังสือเขาบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และมันจบไปนะเวลานั้นแล้ว เราเองต่างหากที่ไม่ยอมวาง และยังเก็บ ยังคิด ให้มันมาทำร้ายหัวใจเราเอง อืมก็คงจริงนะ เรื่องร้ายๆ มันจบไปแล้ว แต่เราเองต่างหากที่ไม่ยอมวาง ทำตัวเหมือนลิงดมกะปิ รู้ว่ามันเหม็นแต่ก้เอามาดม จริงๆ แล้ว กะปิ ไม่ได้ทำให้ลิงเป็นทุกข์ ความเกลียดกะปิของลิงเองต่างหากที่ทำให้ทุกข์
ถึงขั้นต้องใช้ธรรมมะ เข้าข่ม อืม ....

พยายามอย่างมากที่จะไม่ยึดติดผูกมัด เราเองที่ทำให้ตัวเราเองเจ็บปวด ไม่ใช่คนอื่นทำ
ทุกข์ตรงไหน ให้แก้ตรงนั้น
เจ็บตรงไหน แก้ตรงนั้น
ไม่ใช่เขา แต่เป็นเราเิอง

สาธุ ...



------------------

หัวใจจะวาย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
โรคฟุ้งซ่านกำเริบ

รู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องจริงจังกับอนาคตอันใกล้ของตัวเองแล้ว

เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

2552/05/01

ก้าวผ่านความเศร้า

เหมือนว่า 48 ชั่วโมงที่แล้วควรภาพความทรงจำควรจะเป็น ตัวเองนั่งร้องไห้ ทำหน้าเศร้าๆ อยู่ในบ้าน

แต่

กลายเป็นว่า มีแต่ภาพตัวเองนั่งหัวเราะ เฮฮา

สรุปว่าช่วงเวลาแห่งความเศร้า ถูกข้ามผ่านไปด้วยความตั้งใจ

รู้สึกดีทีี่่ไม่ต้องอยู่คนเดียว เวลาที่รู้สึกแย่ๆ

- - -

แทงกิ้ว เพื่อน อาหาร และ ความเมา ฮ่าๆๆ