2550/10/16

The line between normal and abnormal

เมื่อวานได้มีโอกาศ ไปฟังการบบรรยาย ของ ศาสตราจารย์ Arthur kleinma of HAvard
Uni หัวข้อ คือ the Medicalization with the Globalization - the line
between abnormal and normal
ประเด็นที่พอจะจับได้คือ อาจารย์
ท่านตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับ การที่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั้น
วินัจฉัยโรคว่าเรา เจ็บป่วยนั้น ใช้อะไรเป็นเกณท์ในการแบ่งแยกระหว่าง ปกติ กับ
ไม่ปกติ เพราะในทุกวันนี้โลกของเรานั้น ปะปนและซับซ้อนมาก คนในแต่ละสังคม ฐานะ
หน้าที่ ความรับผิดชอบ เพศและวัย ต่างแตกต่างและซับซ้อนในตัวเองอยู่ การที่หมอจะ
ระบุว่าใครซักคน เจ็บปว้ยและต้องกินยานั้น มันแลจะเชื่อถือไม่ได้ในสังคมยุคนี้แล้ว
เพราะว่า เราทุกคนต่างก็ " abnormal " กันได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า เป็น abnormal
แบบ normal นี่คือสิ่งที่อาจารย์อยากจะถ่ายทอดแนวคิด
และอยากให้ตั้งข้อสังเกตกับทั้งตัวเองและสังคมด้วย
ปัญหาหลักที่เรากำลังเผชิญทุกวันนี้ คือเรา ผลัก ปัญหาสังคม ออกไปให้เป็น
ปัญหาที่ กินยา ใช้การรักษาทางแพทย์แล้วมันจะหาย ซึ่งมันอันตรายมาก
เราต่างหลงลืมไปว่า ความจริงแล้ว การเจ็บปว่ยนั้น มันไม่ได้มาจากข้างใน
หรือภายในเราเอง แต่มัน มาจากผลกระทบ แรงกดดันมากมายจากสิ่งรอบตัวเรา
มันไม่ใช่ว่าจะใช้ยารักษา แต่มันต้องใช้การพัฒนา การดูแลเอาใจใส่ จากทั้งรัฐ และ
เราทุกคน ต่อสังคมที่เราอาศัยอยู่นี้
วันนี้การได้พบกับอาจารย์
มันทำให้เราได้คำตอบให้กับตัวเองแล้วว่า
เรา เรียน สังคมวิทยาไปทำไม ?

" เราเรียนสังคมวิยา เพื่อ ช่วยเหลือคน "
" ทฤษฎีทางสังคมวิทยา นั้น
ก็มาจากตัวสังคมนั้นแหละ สังคมวิทยาคือ สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
ไม่ใช่แค่ทฤษฎีในหนังสือ แต่เป็นการนำเอาทฤษฎีนั้น ไปมองโลกข้างนอก
และเอาโลกของนอกมาเป็นทฤษฎ๊ "
ความรับผิดชอบของนักสังคมวิทยาก็คือ
เราเรียนรู้ความเป็นไปในสังคม สังเกตสิ่งรอบตัว
และช่วยบอกเตือนในภาวะที่สังคมดิ่งต่ำ ช่วยเหลือ พัฒนา
เพื่อให้คนในสังคมและตัวเราดำรงอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีปัญญา
และรู้ทุกภาวะความเป็นไป
เรียนสังคมวิทยา เพื่อช่วยเหลือคน
Thank you
Pro.fessor

ไม่มีความคิดเห็น: