2550/10/23

ใครบางคนกำลังไกลออกไป

รู้สึกว่าใครซักคนกำลังไกลออกไปจากชีวิต....
ความรุ้สึกแบบนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว
เคยเป็นมั้ย ที่รู้สึกว่า
ใครคนนึงที่เราเคยรู้สึกว่าเราวางหัวใจเอาไว้ใกล้ๆกัน แล้ววันนึงเราก้รู้สึกว่า
เขาหัวใจดวงนั้นได้ถอยห่างออกไปแล้ว
มันไม่ใช่ว่าเขาทำให้เรารุ้สึกนะ
แต่มันเป็นความรู้สึก" รู้" ขึ้นมาได้ในใจเองเลย
ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแล้วว่า
เขาได้ห่างออกไปจากเราแล้ว เหมือนโดนบอกเลิกอะ
แล้วหลังจากนั้นอีก 6
เดือนถัดมา มันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ เขาบอกลาเราไปจริงๆ เพียงแต่ว่า
เรารู้สึกมาก่อนแล้วละ ว่าใจเขานะ
ไปจากเราตั้งนานแล้ว

ครั้งนี้ก็เหมือนกาน เรารู้สึกแบบนั้น
มาได้ เดือนนึงแล้ว วันนึงเราตื่นขึ้นมา แล้วเราก็รู้สึกว่า
ใจดวงนั้นที่เคยอยู่ข้างๆเรา มันห่างออกไปแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะดูไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
คล้ายว่าความสัมพันธ์เราจะเหมือนเดิม แต่ เรารู้สึกได้แล้วละ ว่าหัวใจของเขา
เป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะแตะต้อง ไข่วขว้า หรือ แสวงหาได้ มันได้ถอยห่างออกไปไกลและ
กำลังจะหายไปแล้ว
ไม่เป็นไหร่หรอก
... หัวใจมันบังคับกันไม่ได้
หากว่าเธอเลือกแล้ว ที่จะไป
..........
มันก็คงตอ้งเป็นไปเช่นนั้นแล ....

2550/10/16

The line between normal and abnormal

เมื่อวานได้มีโอกาศ ไปฟังการบบรรยาย ของ ศาสตราจารย์ Arthur kleinma of HAvard
Uni หัวข้อ คือ the Medicalization with the Globalization - the line
between abnormal and normal
ประเด็นที่พอจะจับได้คือ อาจารย์
ท่านตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับ การที่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั้น
วินัจฉัยโรคว่าเรา เจ็บป่วยนั้น ใช้อะไรเป็นเกณท์ในการแบ่งแยกระหว่าง ปกติ กับ
ไม่ปกติ เพราะในทุกวันนี้โลกของเรานั้น ปะปนและซับซ้อนมาก คนในแต่ละสังคม ฐานะ
หน้าที่ ความรับผิดชอบ เพศและวัย ต่างแตกต่างและซับซ้อนในตัวเองอยู่ การที่หมอจะ
ระบุว่าใครซักคน เจ็บปว้ยและต้องกินยานั้น มันแลจะเชื่อถือไม่ได้ในสังคมยุคนี้แล้ว
เพราะว่า เราทุกคนต่างก็ " abnormal " กันได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า เป็น abnormal
แบบ normal นี่คือสิ่งที่อาจารย์อยากจะถ่ายทอดแนวคิด
และอยากให้ตั้งข้อสังเกตกับทั้งตัวเองและสังคมด้วย
ปัญหาหลักที่เรากำลังเผชิญทุกวันนี้ คือเรา ผลัก ปัญหาสังคม ออกไปให้เป็น
ปัญหาที่ กินยา ใช้การรักษาทางแพทย์แล้วมันจะหาย ซึ่งมันอันตรายมาก
เราต่างหลงลืมไปว่า ความจริงแล้ว การเจ็บปว่ยนั้น มันไม่ได้มาจากข้างใน
หรือภายในเราเอง แต่มัน มาจากผลกระทบ แรงกดดันมากมายจากสิ่งรอบตัวเรา
มันไม่ใช่ว่าจะใช้ยารักษา แต่มันต้องใช้การพัฒนา การดูแลเอาใจใส่ จากทั้งรัฐ และ
เราทุกคน ต่อสังคมที่เราอาศัยอยู่นี้
วันนี้การได้พบกับอาจารย์
มันทำให้เราได้คำตอบให้กับตัวเองแล้วว่า
เรา เรียน สังคมวิทยาไปทำไม ?

" เราเรียนสังคมวิยา เพื่อ ช่วยเหลือคน "
" ทฤษฎีทางสังคมวิทยา นั้น
ก็มาจากตัวสังคมนั้นแหละ สังคมวิทยาคือ สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
ไม่ใช่แค่ทฤษฎีในหนังสือ แต่เป็นการนำเอาทฤษฎีนั้น ไปมองโลกข้างนอก
และเอาโลกของนอกมาเป็นทฤษฎ๊ "
ความรับผิดชอบของนักสังคมวิทยาก็คือ
เราเรียนรู้ความเป็นไปในสังคม สังเกตสิ่งรอบตัว
และช่วยบอกเตือนในภาวะที่สังคมดิ่งต่ำ ช่วยเหลือ พัฒนา
เพื่อให้คนในสังคมและตัวเราดำรงอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีปัญญา
และรู้ทุกภาวะความเป็นไป
เรียนสังคมวิทยา เพื่อช่วยเหลือคน
Thank you
Pro.fessor

เราต่างแสวงหากันและกัน

ชายคนนั้น - The sis
มองฟ้าไม่มีดาวเลยสักดวงเหมือนฉันไม่มีใครเลยสักคนแค่เพียงต้องการออกจากความมืดมนอยากเจอคนที่เคยผูกพัน
*
เธอคนนั้น บอกฉันไว้ว่าจะคอยดูแลห่วงใย ดังลมหายใจ
** ชายคนนั้น
อยู่ไกลแสนไกลไม่รู้ว่าเมื่อไร จะได้พบเจอชายคนนั้น ที่ไอรักเธอ
ยังหลอมหัวใจอยู่ยังให้ความอบอุ่น
ไม่จากไป
วันนี้ก็ยังอยู่เพียงผู้เดียวความหวังที่ยังคอยยังห่างไกลรักที่ล่องลอยไม่เคยจะให้ใครนานแค่ไหนก็ยังผูกพัน
----------
เราทุกคนต่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
การใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง ดูจะโหดร้ายเกินไปนัก
หลายหลายคนโชคดี ที่เจอใครคนนั้น ของตัวเอง
และคนสองคนก็ใช้ชีวิต และแบ่งปันทุกข์และสุขให้กันและกัน
พวกเขาจึงไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงลำพังอีกต่อไป
การมีใครซักคนมาร่วมเดินทางผ่านกาลเวลาในโลกใบนี้ไปพร้อมๆกัน
มันช่างเป็นสิ่งที่วิเศษเหลือเกินเนอะ..ว่ามั้ย
ใครซักคนที่จะอยู่ดูแลกันในวันที่แก่เฒ่า ในวันที่ร่างกายโรยรา
ในวันที่ฉันไม่สดสวย วันที่ผมบนหัวเป็นสีขาว
วันที่ฉันกลายเป็นแค่ยายแก่คนหนึ่ง
ใครคนนั้นที่เขาจะยังอยู่กับฉัน คอยจูงมือฉัน เหมือนวันที่เราพบกันครั้งแรก
ใครนั้น ที่จะมีหัวใจดวงเดิม จนกว่าจะสิ้นลมจากกันไป
ถ้าชีวิตหนึ่งได้เกิดมาพบใครคนนั้น มันคงเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกใบนี้เลยละ
ความรัก ความผูกพัน ของคนสองคนที่มีต่อกัน อย่างจริงใจ
แล้วเราจะยังแสวงหาสิ่งใดอีกเล่า
...