2552/01/02

รักชาติ? ไม่รักชาติ?

คำถามที่วิ่งวนอยู่ในหัวเมื่อเช้านี้ หลังจากการสนทนากับรุ่นพี่คนนึง

คุณเป็นคน รักชาติ ? หรือ เป็นคนไม่รักชาติ ?

อีกคำถามที่อยากถาม " แล้ว ชาติ มันคืออะไรเหรอ " ?

ภาษา วัฒนธรรม ดินแดน ธง สี เสื้อที่ใส่ .... อะไรเหรอ ?

สมัยยุคหินก็ไม่เห็นมีคำคำนี้ ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนกัน มีแค่โลกใบเดียว

แต่ ความแตกต่าง มันก็นำมาซึ่งความแตกแยกนั่นแหละ ภาษา สีผิว หน้าตา ดินแดน มันคงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ทั่วไปรึเปล่า ที่จะรู้สึกต่อต้านอะไรที่มันไม่เหมือนกับตัวเอง

แต่

ถ้าความแตกต่างเหล่านั้น ผ่านกระบวนการ ห่อหุ้ม แปลงรูปโฉมใหม่ ใส่มายาคติลงไป การแตกต่างนั้นก็จะสามารถกลมกลืนเข้าไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เอาละ มายกตัวอย่าง รูปธรรมกันให้เห็นชัดเจนดีกว่า

ภาษา อังกฤษ คนทั่วโลกเรียนภาษาอังกฤษ คนไทยก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษ มันเป็นผลมาจาก ประวัติศาสตร์ ที่เรารับเข้ามาจากฝรั่ง เพราะเรา มีนิสัย อ่อนน้อม รักความสงบ ซึ่งนั่นมาจากพิ้นฐานทางศาสนาประกอบด้วย เมื่อฝรั่งมันเข้ามา เอาปืนมาจ่อหัวเรา แล้วบอกว่า

" เฮ้ พวก ยูนี่โง่ นะ ต้องเรียนรู้จาก ไอ นะ"

" เราก็ ต้อง พยัก หน้า เย ส เยส " เพราะไม่งั้น นอกจากมันจะเอาแผ่นดินไปแล้ว มันยังจะเอาชีวิตเราไปด้วย

โอเค ดังนั้นทุกที่ทั่วโลกที่โดนพี่ฝรั่งเอาปืนไปจ่อหัว ก็ต้องเรียน ภาษา ก็ต้องยอมรับวัฒนธรรม ต้องยอมค้าขายกับมัน มันก็เป็นที่มาของ Globalization ที่เกิดทั่วโลก

อย่างเมืองจีน คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก ในขณะที่ฝรั่งมันเอาเรื่อกับปืนมาจ่อถึงที่แล้ว ด้วยพื้นฐานทางนิสัย ที่เขาเชื่อมันในตัวเองสูง และ อีโก้ มันทำให้เขาไม่เสียดินแดน ไม่ถูกฝรั่งครอบครองประเทศ แต่ นั่นหมายความว่า คุณต้องแลกมาด้วย ชีิวตมากมาย ซึ่งไม่มีใครประเมินได้หรอกว่า คุ้ัมหรือ ไม่ แต่ถ้าถามเรา มันไม่คุ้มหรอก สำหรับเหตุผล เราจะตอบ ด้านล่าง

กลับไปที่ Globalization โอเค ที่มาของมันมีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ และเป็นมาเรื่อยๆ การเรียน ภาษาอังกฤษ ของคนไทย ก็หมายถึงว่า เราถูกควบคุม ด้วย พลังมืดของภาษาอยู่แล้ว ทุกวันนี้ คนไทยเรียนภาษาอังกฤษ และมีค่างนิยม ชื่นชมคนที่พูดได้หลายภาษา และทำอะไรก็ได้่ที่ไม่เป็นไทย มันก็ " มายาคติ "ที่ห่อหุ้ม พลังมืดเอาไว้นั่นแหละ ฝรั่งมันไม่ได้ เอาปืนมาจ่อให้เราพูดแล้ว แต่มัน เอา สื่อ มาหลอกเราแทน ซึ่งนั้นง่ายอยู่แล้ว เพราะ ไ่ม่ว่า ฝรั่งจะพูดอะไร เราก็ เชื่อเขาอยู่แล้ว และที่มันเป็นอย่างนั้นมันก็มีสาเหตุนะ

ประวัติศาสตร์ นั่นแหละ เพราะฝรั่งทำให้เรารู้สึกว่า เรา ตามเขาตลอดเวลาไง เขาให้เราทำในสิ่งที่ไม่ถนัด เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีทางชนะเขาได้หรอก ง่ายๆนะ บ้านเราเป็นเมือง เกษตร แต่ ฝรั่งมัน ใ้ห้เรา ทำ อุตสาหกรรม มันบอกว่า นี่แหละ เขาเรียกว่าการพัฒนา อ้าว โอเค คนเคยจับ จอบ จับ เสียม ก็ต้องทิ้ง ไปเป็นพนักงานโรงงาน อาชีพเปลี่ยน พื้นฐาน ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็เปลี่ยน ค่าทางความคิดมันก็เปลี่ยนไง จากการที่กินอิ่ม นอนหลับ ก็พอ มันก็กลายเป็นไม่พอไง มันต้องมีเงินด้วย เงินก็เอาไป ซื้อ มือถือ ซื้อรถ ซื้อน้ำมัน จากไอ้พวกนายทุนฝรั่ง อีกที สรุป วนไปเวียนมา กลายเป็น วงจร ความจน ของคนไทยรากหญ้า

ค่านิยมในการอัพเกรดฐานะ มันก็มาจาก มายาคติ ที่ีมากับ โทรทัศน์และ จานดาวเทียมนั่นแหละ การที่เราต้องเรียนหลายภาษา มันก็คือ การตอบสนองความต้องการของตลาด เพื่อไปเป็นทาส ของนายฝรั่ง อีกที เพราะถ้าเีรียนและพูดได้หลายภาษา ก็จะได้งานดีดี เงินดีดี จะได้เอาไป ซื้อ มือถือ ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อน้ำมัน อ้าว สรุปก็วนไปเวียนมาก ไม่พ้นวงจร อุบาท อยู่ดี

ทุกอย่าง มันเกิดมาจาก ความหลง การเสพสื่อ โดยไม่มีสติ และสังคมกบในกะลา ของคนไทยด้วย
เราคิดน้อยไป คิดสั้นไป คิดไม่จบ และคิดอยู่ คอนเซปเดียว เราไม่กล้า คิดต่าง เพราะเรากลัว " โดนสังคมเหวี่ยง "

จริงๆ แล้วมันคงไม่พ้นที่จะสาวไส้ไปถึงการศึกษาไทย กระทรวงลูกเมียน้อย ที่ของ รัฐมนตรีเก้าอี้เหลือ ก็โยนมาที่นี่ คงเป็นเพราะ ค่า หนังสือเรียน ของเด็กไทยมันคงกินไม่ค่อยอิ่มกระมั้ง!! ใครมาเป็นก็บอกว่าจะปฏิรูปการศึกษา ถามหน่อยเถอะว่า อย่างไรเหรอ ? เลียนแบบฝรั่งให้มากที่สุด ก็เห็นไปแล้ว มันไม่เหมาะกับบุคลิกเด็กไทย เรียนแบบพี่ไทยจ้าโงรงเรียนวัดนู้น มันก็เป็นไปไม่ได้ มันไม่สอนให้คนกล้าคิด เราว่าน่าจะรู้จัก ปรับบ้างนะบ้างนะ รับของฝรั่งมาปรับใช้ เอาเท่าที่ทำได้มาแก้ไขข้อเสียเรา อย่างนี้ก็น่าจะดีกว่า

แต่ ก็น่าสังเกตนะ พวกคนเอเชีย แมร่งเรียนโคตรหนัก เรียนยากสุดๆ เพื่อไปเป็น ทาสในบริษัท ที่พวกฝรั่งเรียนชิวชิว เพื่อมาเป็นเจ้านาย คือ เราว่าเขาออกแนวสอนให้คน ฉลาด มากกว่า เก่ง อย่างเดียว

แต่ก็นั่นละ มันก็ยังคนเป็นเรื่องของมายาคติ ที่คุณฝรั่งแสนฉลาด สร้างขึ้นมา แล้ว ส่งผ่านสื่อ ผ่านการค้า เข้ามาแหละ เราจะไม่รับก็ไม่ได้หรอก มันเป็นแรงดันมหาศาล ถ้าต้าน ก็มีแต่เละ

อ้าว เขียนมาตั้งเยอะ แล้วเกี่ยวอะไรกับหัวข้อ มั้ยเนี้ย ?

ก็นั่นแหละ ที่เขียนมาทั้งหมดก็ พยายาม นิยามคำว่า " ชาติ " อยู่
ถ้าคำว่า ชาติ มันก็คือมายาคติละ
ถ้าคำว่า ชาติ มันก็คือ เครื่องมือ ของคนมีอำนาจ ที่ใช้ควบคุมเราละ
ถ้าคำว่า ชาติ มันเป็นภาพลวงตา มันเป็นสิ่งสมมุติ

แล้ว เรา จะ รักอะไรละ ?? !!!

ไม่ได้บอกว่า ไม่ต้องรักชาตินะ "ชาติ รักมากไปก็ไม่ดี แต่ จะไม่รักเลยก็ไม่ได้" นี่เป็นคำพูดของรุ่นน้องรัฐศาสต์คนหนึ่ง ที่เราต้องบอกว่า ถูกมาก มาก

นั่นละ มันเป็นสิ่งที่บอก identitiy พื้นฐานของเราไง มันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสำหรับคนในสังคม มันเป็นตัวแปรพื้นฐานของการขับเคลื่อนกระบวนการทุกอย่างในสังคม เออ พูดไปแล้วเดี่ยวจะไกล

สรุปที่ว่า เราต้องแยกให้ออกว่า อะไรคือ เนื้อแท้ และ อะไร คือมายาคติ ที่ห่อหุ้ม ความรัก เหล่านั้น

การยึดมั่น ถือ มั่น มันจะทำให้เรา เอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น และนั่นละ มันจะทำนำมาซึ่งความรู้สึกแตกต่าง และนำไปสู่การแตกแยกในที่สุด




คิดไม่ตกหรอก แต่รู้สึกได้ และอยากระบายเท่านั้นเอง

ผานิตดา

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แก เปนไงบ้างงงง...


สบายดีใช่ไม๊..
เห็นแกมีความสุขก้อดีใจ

สวัสดีปีใหม่นะ


กิ๊บก๊าบ