2554/05/29

กลัวความถาวร

เกือบ เจ็ดปีที่เราไม่ได้อยุ่ที่เมืองไทย อะไร อะไร ก็เปลี่ยนไปเยอะ เราเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อถึงเวลาใกล้จะกลับ ก็กลัวขึ้นมาบอกไม่ถูก มันเป็นความรุ้สึกว่าตัวเราแปลกแยก ก้ไม่รู้ืทำไมเหมือนกันนะ แต่ก็รู้สึกแบ่งๆ ไม่รุ้ว่ากลัวเขาแบ่งเรา หรือตัวเราไปแบ่งเขา นึกขึ้นมาว่าเราจะกลับไปอยู่ในสังคมที่ ทุกคน ทำจมูก หน้าที่เห็นคือ หน้าพลาสติก ศัลยกรรมมาใส่กัน ถือกระเป๋าลองชอมป์ปลอมๆด้วยความภาคภูมิใจ มีโทรศัำพท์บีบีเป็นเครื่องมือสื่อสารประจำชาติ มีวัฒนธรรมนอบน้อมไม่เลือกหน้า คนแก่กว่าสามารถทำอะไรก็ได้ การแสดงความคิดเห็นตรงๆกลายเป็นความก้าวร้าว ค่านิยมประหลาดๆ และแบบแผนที่สร้างกรอบให้คนกลัว เกรง มันอึดอัดนะ

ตอนนี้ำพยายามมองข้อดีของการกลับไปทำงาน ใช้ชีวิตแบบไทยๆ อยู่ แม้ในใจจะต่อต้านแค่ไหนก็ตาม เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธรากเหง้าของเราได้ เพียงแต่มันไม่ชินเท่านั้นเอง

2554/05/26

ฤดูใบไม่ผลิ in Durham

ผ่านแวปตาเดียว จากวันแรกจนถึงวันนี้ แปด เดือนแล้ว เร็วจริง เรามาอยู่ที่นี้นานขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย กับการเรียนที่เรียกได้ว่าไม่ได้ลืมหูลืมตา ผ่านพ้นมาได้อย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดไปได้ซักแค่ไหน ตอนนี้เรียกได้ว่าเลยครึ่งทางมาแล้ว ส่งงานและสอบ เหลือแค่ตัวจบ ซึ่งเราก้ไปทำ Field มาแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แค่ต้องลงมือตั้งนาตั้งตาเขียน แปปเดียวจริงๆนะ คิดแล้วก็ใจหาย แิอบอยากเรียนอีกซักหนึ่งปี อิิอิ ก้รอลุ้นผลสอบกันต่อไป ไม่รู้จะยังไง แอบคิดอยากเรียน ป.โทอีกใบซะแล้ว บอกไม่ถูกเหมือนกัน เหอเหอ

อีกไม่กี่เดือนก็ต้องเปลี่ยนสถานะภาพตัวเองจากนักเรียน ไปทำงานแล้ว คิดๆแล้วก็เสียวๆ เราไม่คุ้นเคยกับสภาพสังคมบอกไม่ถูก มันเปลี่ยนไปเยอะนะที่ไทย เรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางใบหน้าของผู้คนที่ผ่านการทำศัลยกรรม ไม่รู้ว่าหน้าจริง หน้าปลอม สังคมที่ถือกระเป๋าลองชอมผ์ของปลอมด้วยความภาคภูมิใจ สังคมที่ค่อยๆพูด พูดความจริงมากไม่ได้ น้อมนอม และห้ามพูดเสียงดัง เมื่อก่อนเราก็เคยอยู่ได้นะ แต่พอไม่อยู่เกือบ สิบบปีแบบนี้ก็มีภาวะ ลังเลใจ มันก็คงไม่แย่ แต่เรารู้สึกต่างนิดนิดบอกไม่ถูก แต่ก็เอาเหอะ เราอาจจะคิดมากไปเอง มันอาาจจะไม่แย่ขนาดนั้น เราอาจจะปรับตัวได้อย่างง่ายดาย หรือ ไม่ก็โดนไล่ออก ฮ่าๆๆ

แต่ตอนนี้ต้องทำรายงานก่อน

ปล อยากเรียน ปโท อีกใบจริงๆนะ